แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 ให้บทวิเคราะห์ศัพท์คำว่า “พนักงาน” ไว้ให้หมายถึง บุคคลต่าง ๆ ตามที่ระบุไว้ ทั้งนี้นอกจากผู้เป็นเจ้าพนักงานอยู่แล้วตามกฎหมาย จำเลยเป็นพนักงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย จำเลยย่อมเป็นเจ้าพนักงานอยู่แล้วตามกฎหมาย คือเป็นเจ้าพนักงานตามความที่บัญญัติไว้ในมาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2494 ฉะนั้น จำเลยจึงไม่เป็นพนักงาน” ตามความหมายที่บัญญัติไว้ในมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 4 แต่เพียงประการเดียว เมื่อจำเลยมิได้เป็น “พนักงาน” ซึ่งจะมีความผิดตามมาตรานี้ได้แล้ว ก็ต้องยกฟ้อง จะยกบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายอาญาขึ้นมาพิจารณาลงโทษจำเลยโดยโจทก์มิได้ขอมาไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นพนักงานของการรถไฟแห่งประเทศไทยตำแหน่งช่างหล่อตัวพิมพ์ประจำโรงพิมพ์รถไฟ มีหน้าที่นำตะกั่วตัวพิมพ์ที่เสียแล้วมาหล่อตัวพิมพ์ใหม่ จำเลยบังอาจเบียดบังตะกั่ว ๒๔ ชิ้น ราคา ๒๐ บาทของการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งอยู่ในความครอบครองของจำเลยเอาไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวของจำเลยโดยทุจริต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. ๒๕๐๒ มาตรา ๔ และคืนตะกั่วของกลางแก่เจ้าทรัพย์
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์แล้วสั่งว่า จำเลยเป็นเพียงลูกจ้าง มีรายได้เป็นรายวันไม่ใช่พนักงาน ตามมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. ๒๕๐๒ และมิใช่ “เจ้าพนักงานตามกฎหมาย” จำเลยมีความผิดเพียงฐานยักยอกธรรมดา พิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๕๒ คืนตะกั่วของกลางแก่เจ้าทรัพย์
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษตามฟ้อง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องไม่ครบหลักเกณฑ์ตามความในมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญํติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. ๒๕๐๒ ลงโทษจำเลยฐานเป็นพนักงานยักยอกตามมาตรา ๔ ไม่ได้ พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า มาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. ๒๕๐๒ บัญญัติว่า “พนักงานหมายความว่า ฯลฯ บุคคลผู้ปฏิบัติงานในองค์การ บริษัท จำกัด ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่งอื่นซึ่งทุนทังหมดหรือทุนเกินกว่าร้อยละห้าสิบเป็นของรัฐ โดยได้รับเงินเดือนหรือประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นจากองค์การ บริษัทจำกัด ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือหน่วยงานนั้น ๆ ทั้งนี้นอกจากผู้เป็นเจ้าพนักงานอยู่แล้วตามกฎหมาย”
มาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ บัญญัติว่า “ให้ ฯลฯ พนักงานของการรถไฟแห่งประเทศไทยเป็นเจ้าพนักงานตามความหมายแห่งกฎหมายลักษณะอาญา” และสำหรับคำว่า “พนักงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย” พระราชบัญญัตินี้มิได้วิเคราะห์ศัพท์ไว้อย่างใด
ฉะนั้น เห็นได้ว่า เมื่อจำเลยเป็นพนักงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย จำเลยย่อมเป็นเจ้าพนักงานอยู่แล้วตามกฎหมาย จำเลยจึงไม่เป็นพนักงาน “ตามความหมายของพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. ๒๕๐๒ ” ฉะนั้น จะลงโทษจำเลยตามมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. ๒๕๐๒ ตามที่โจทก์ขอมาในฟ้องนั้นมิได้
ศาลฎีกาเห็นต่อไปว่า คดีนี้ปรากฏว่า โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา ๔ ดังกล่าวแต่เพียงประการเดียว เมื่อจำเลยมิได้เป็น “พนักงาน” ซึ่งจะมีความผิดตามมาตรานี้ได้แล้ว ก็ต้องยกฟ้องโจทก์ จะยกบทบัญญัติประมวลกฎหมายอาญาขึ้นมาพิจารณาลงโทษจำเลยโดยโจทก์มิได้ขอมาไม่ได้ เพราะพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. ๒๕๐๒ เป็นกฎหมายกำหนดความผิดไว้เป็นพิเศษต่างหากจากความผิดของพนักงานหรือบุคคลธรรมดาตามประมวลกฎหมายอาญา ถือได้ว่าโจทก์ไม่ประสงค์จะให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา คดีนี้จึงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๒ ดังที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นมิได้ พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์