คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6187/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องอ้างว่า โจทก์เป็นผู้ทรงคนแรก ได้สลักหลังโอนขายเช็คแก่ผู้อื่น เมื่อเช็ครับเงินไม่ได้จึงได้ใช้เงินตามเช็คไป และรับเช็คคืนมา โจทก์จึงกลับคืนสู่ฐานะผู้ทรงตามเดิม มิใช่ผู้สลักหลัง ฟ้องโจทก์จึงต้องใช้อายุความ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1002 ผู้ตายได้ออกเช็คให้แก่โจทก์ไว้ ต่อมาผู้ตายได้ออกเช็คฉบับใหม่ให้แก่โจทก์ไว้แทนเช็คฉบับเก่าแล้ว เช็คฉบับเก่าจึงเป็นเช็คที่ไม่มีมูลหนี้ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องให้จำเลยที่ 5 ในฐานะทายาทของผู้ตายให้รับผิดใช้เงินตามเช็คดังกล่าว คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 5 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ที่ 3 ที่ 4 ที่ 6 รับผิดในฐานะทายาทของผู้ตายใช้เงินตามเช็คดังกล่าวแก่โจทก์ ซึ่งเป็นหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ จำเลยที่ 5 ฎีกาแต่ผู้เดียว เมื่อเช็คตามฟ้องไม่มีมูลหนี้ จำเลยที่ 5 ไม่ต้องรับผิด ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาให้มีผลถึงจำเลยอื่นที่ไม่ได้ฎีกาด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 245(1) ประกอบมาตรา 247

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสองสำนวนฟ้องว่า นายเป้งกัง แซ่เบ๊ ได้ออกเช็คพิพาท 14 ฉบับ ชำระหนี้โจทก์ เช็คดังกล่าวธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยทั้งหกในฐานะทายาทของนายเป้งกังจึงต้องรับผิดขอให้บังคับจำเลยทั้งหกชำระเงินตามเช็คพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งหกทั้งสองสำนวนให้การและฟ้องแย้งในสำนวนแรกว่าเช็คพิพาทไม่มีมูลหนี้แล้ว ขอให้ยกฟ้องและบังคับให้โจทก์คืนเช็คพิพาทแก่จำเลย
โจทก์สำนวนแรกให้การแก้ฟ้องแย้งว่า เช็คพิพาทยังไม่ได้รับชำระหนี้ ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ระหว่างพิจารณา ศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 2
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 3 ถึงที่ 6 ร่วมกันชำระเงินตามเช็คพร้อมดอกเบี้ย แต่ไม่เกินจำนวนทรัพย์มรดกที่ได้รับจากผู้ตายให้ยกฟ้องแย้งของจำเลยสำนวนแรก
จำเลยที่ 1 ที่ 3 ถึงที่ 6 ทั้งสองสำนวนอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 5 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยที่ 5 อ้างว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1003 นั้น เห็นว่า มาตรา 1003เป็นเรื่องผู้สลักหลังทั้งหลายฟ้องไล่เบี้ยกันเอง และฟ้องไล่เบี้ยเอาแก่ผู้สั่งจ่าย แต่โจทก์ฟ้องโดยกล่าวอ้างว่าโจทก์เป็นผู้ทรงคนแรกได้สลักหลังโอนขายเช็คแก่ผู้อื่น เมื่อเช็ครับเงินไม่ได้จึงใช้เงินตามเช็คไปและรับเช็คกลับคืนมา โจทก์จึงกลับคืนสู่ฐานะผู้ทรงตามเดิมมิใช่ผู้สลักหลัง ฟ้องโจทก์จึงต้องใช้อายุความ 1 ปี ตามมาตรา 1002
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเช็คจำนวน 14 ฉบับ ทั้งสองสำนวนซึ่งถึงกำหนดชำระเดือนพฤศจิกายน 2527 และเดือนกุมภาพันธ์ 2528เป็นเช็คเก่าซึ่งนายเป้งกังได้ออกเช็คชุดใหม่ให้โจทก์แทนไปแล้วจึงเป็นเช็คที่ไม่มีมูลหนี้ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องให้จำเลยที่ 5ในฐานะทายาทของนายเป้งกังให้รับผิดใช้เงินตามเช็คดังกล่าวคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาจำเลยที่ 5 ฟังขึ้น คดีสองสำนวนนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 5 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ที่ 3 ที่ 4 ที่ 6 รับผิดในฐานะทายาทของนายเป้งกังใช้เงินตามเช็คดังกล่าวแก่โจทก์ ซึ่งเป็นหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้จำเลยที่ 5 ฎีกาแต่ผู้เดียว เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเช็คตามฟ้องโจทก์ไม่มีมูลหนี้ จำเลยที่ 5 ไม่ต้องรับผิด ศาลฎีกาจึงมีอำนาจพิพากษาให้มีผลถึงจำเลยอื่นที่ไม่ได้ฎีกาด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 245(1) ประกอบมาตรา 247
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำนวนคดีหมายเลขแดงที่ 4428/2532 และหมายเลขแดงที่ 4429/2532 ของศาลชั้นต้นให้โจทก์คืนเช็คจำนวน 11 ฉบับ แก่จำเลยตามฟ้องแย้งของจำเลยสำนวนแรกนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share