แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
1. เมื่อพิจารณาตามฟ้องและคำให้การไม่มีฝ่ายใดอ้างถึงเรื่องยืดเวลาสัญญาขายฝากซึ่งเห็นได้ว่าไม่มีเจตนาให้ไถ่ถอนการขายฝากคดีเช่นนี้ย่อมไม่มีประเด็นเรื่องยืดเวลาสัญญาขายฝาก
2. ตามหลักฐาน คนหนึ่งเป็นผู้ให้กู้ แต่มิได้เข้ามาเป็นคู่ความนั้นศาลจะวินิจฉัยชี้ขาดคดีนั้นให้กระทบกระเทือนคนนั้นหาชอบไม่
3. เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้ตกลงให้โจทก์ชำระเงินค่าที่ดินภายใน 6 เดือนนับแต่วันครบกำหนดไถ่ถอนการขายฝาก โจทก์จึงไม่ผิดสัญญา
4. เมื่อโจทก์ไม่ผิดสัญญาดังกล่าว และการที่โจทก์อยู่ในที่พิพาทเพราะจำเลยยอมให้อาศัยอยู่ จึงเรียกค่าเสียหายไม่ได้
5. อนึ่ง ไม่มีข้อตกลงเรื่องให้ริบเงินที่ผ่อนชำระกันไว้ จำเลยก็ต้องคืนให้ จะริบไม่ได้
6. ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 419 โจทก์ได้รับหนังสือของจำเลยเมื่อ 22 มีนาคม 2500 ให้ไถ่การขายฝากใน 1 เดือนนับแต่วันรับหนังสือ ก็คือ ให้ไถ่ถอนภายใน 22 เมษายน 2500 โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อ 22 เมษายน 2501 ก็เป็นเวลา 1 ปีพอดี ไม่ขาดอายุความ
(ข้อ 1 ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 45/2505)
ย่อยาว
โจทก์จำเลยต่างฟ้องกันว่าผิดสัญญาเรียกเงินคืน และเรียกค่าเสียหายต่างฝ่ายต่างให้การต่อสู้หลายประการ
ก่อนวันนัดสืบพยาน ศาลชั้นต้นนัดพร้อมสั่งรวมพิจารณา เรียกนายทองแดงเป็นโจทก์นางจรวยพรเป็นจำเลย คู่ความมีข้อโต้เถียงกัน4 ข้อ คือ (1) โจทก์ได้ชำระเงินแก่จำเลยแล้ว 90,800 บาทหรือ 80,800 บาท(2) โจทก์หรือจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา (3) ถ้าโจทก์ผิดสัญญา จำเลยควรได้รับค่าเสียหายเท่าใด (4) สิทธิฟ้องร้องของโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ ประเด็นข้ออื่น ๆ นอกจากนี้คู่ความขอสละไม่โต้เถียงกัน ฝ่ายโจทก์รับนำสืบก่อนทุกข้อ เว้นแต่ข้อ 4 เป็นปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่า ข้อ (1) โจทก์ชำระเงินไถ่ถอนแล้ว 80,800 บาท ข้อ (2) โจทก์ไม่ได้ผิดสัญญา ข้อ (3) โจทก์ไม่ผิดสัญญาจำเลยจึงเรียกค่าเสียหายไม่ได้และริบเงินผ่อนส่งก็ไม่ได้ ข้อ (4) คดียังไม่ขาดอายุความ พิพากษาให้จำเลยคืนเงิน 80,800 บาทแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยและยกฟ้องของจำเลย
โจทก์จำเลยต่างอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้จำเลยคืนเงินแก่โจทก์ 20,800 บาทพร้อมทั้งดอกเบี้ย
โจทก์จำเลยต่างฎีกา
ก่อนวินิจฉัยถึงประเด็นที่คู่ความตั้งกันไว้ ศาลฎีกาได้วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ว่า เมื่อพิจารณาดูตามฟ้องและคำให้การแล้วไม่มีฝ่ายใดอ้างเกี่ยวถึงเรื่องยืดเวลาสัญญาขายฝาก เห็นว่าทั้งสองฝ่ายไม่มีเจตนาให้ไถ่ถอนการขายฝาก ฉะนั้น ในคดีนี้จึงไม่มีประเด็นเรื่องยืดเวลาสัญญาขายฝาก แล้วศาลฎีกาวินิจฉัยตามประเด็นที่ตั้งกันไว้ดังนี้ (1) เมื่อพิจารณาในทางหลักฐานสัญญากู้ซึ่งมีชื่อมารดาจำเลยเป็นผู้ให้กู้และมารดาจำเลยมิได้เข้ามาเป็นคู่ความด้วย จะวินิจฉัยชี้ขาดไปในคดีนี้อันเป็นผลกระทบกระเทือนถึงบุคคลภายนอกหาชอบไม่ โจทก์จึงเรียกคืนจากจำเลยในคดีนี้ไม่ได้ (2) พิจารณาจากหลักฐานและเหตุผลอย่างอื่นประกอบการที่โจทก์ต้องเพิ่มเงินราคาแก่จำเลยอีก 50,000 บาทสำหรับระยะเวลาเพียง 6 เดือนเท่านั้นดูจะเป็นการเกินสมควรมากไป ฉะนั้น ข้อเท็จจริงจึงฟังไม่ได้ว่าตกลงกันให้ชำระเงินภายใน 6 เดือนนับแต่วันครบกำหนดไถ่ถอนดังข้ออ้างของจำเลย คงฟังได้ว่าโจทก์ไม่ได้เป็นฝ่ายผิดสัญญา
เมื่อโจทก์ไม่ได้ผิดสัญญาจำเลยก็เรียกค่าเสียหายจากโจทก์ตามประเด็นข้อ 3 ไม่ได้ โจทก์อยู่ในที่พิพาทเพราะจำเลยให้อาศัยอยู่ที่จำเลยขายได้ราคาต่ำกว่าราคาที่ตกลงจะขายให้โจทก์ 60,000 บาทนั้นศาลเห็นว่า การซื้อฝากย่อมรับซื้อต่ำกว่าราคาธรรมดา แต่โจทก์กลับขายไปต่ำกว่าราคาซื้อฝาก และไม่มีข้อตกลงเรื่องริบเงินที่ให้ได้ จำเลยจึงต้องคืนเงินที่ผ่อนชำระ
ประเด็นสุดท้ายเรื่องอายุความ แม้จะถือว่าอายุความเพียง 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 419 โจทก์ก็ฟ้องคดีภายในกำหนดนั้นแล้ว
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น