แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องจากบ้านเลขที่ 73 หมู่ 5 เป็นบ้านเลขที่ 73/1 หมู่ 5 เพื่อให้เป็นไปตามคำให้การของจำเลย เมื่อมีการชี้สองสถาน จำเลยไม่มาศาล ศาลนัดสืบพยานจำเลย ถึงวันนัดทนายจำเลยรับสำเนาคำร้องดังกล่าวก็ไม่ได้คัดค้าน แสดงว่าคู่ความเต็มใจที่จะดำเนินคดีกันตามประเด็นข้อพิพาทที่ศาลได้ชี้สองสถานไว้ ไม่ต้องการให้ดำเนินกระบวนพิจารณาล่าช้าเพราะเหตุนี้ ประเด็นเรื่องแก้ไขคำฟ้องจึงยุติแล้ว แม้ว่าศาลชั้นต้นจะมิได้ส่งสำเนาคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องให้แก่จำเลยทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วันก่อนกำหนดนัดพิจารณาคำร้องนั้นก็ตามแต่การขอแก้ไขเลขบ้านตามคำฟ้องหาใช่การขอแก้ไขคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา181 ไม่ ศาลอุทธรณ์จึงไม่ชอบที่จะหยิบยกมาเป็นเหตุยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น แต่ศาลอุทธรณ์ควรจะวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยไปให้สิ้นกระแสความ.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินตาม น.ส.3 ก.เลขที่ 3315 ตำบลไหล่หิน อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง พร้อมกับบ้านเลขที่ 73/1 หมู่ 5 บนที่ดินแปลงดังกล่าวจำเลยทั้งสองอาศัยอยู่ในบ้านและที่ดินดังกล่าวแล้ว ต่อมาโจทก์ประสงค์จะทำประโยชน์ในบ้านและที่ดินจึงมีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยทั้งสองขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปภายในกำหนด 10 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำบอกกล่าวมิฉะนั้นโจทก์ขอคิดค่าเสียหายวันละ 100 บาท จำเลยทั้งสองได้รับหนังสือบอกกล่าวแล้ว แต่ยังเพิกเฉย จึงต้องชดใช้ค่าเสียหายนับแต่พ้นกำหนดตามหนังสือบอกกล่าวจนถึงวันฟ้องเป็นเวลา 3 วัน วันละ100 บาท รวมเป็นเงิน 300 บาท ขอให้ศาลพิพากษาและบังคับให้จำเลยทั้งสองพร้อมบริวารขนย้ายทรัพย์สินออกจากบ้านและที่ดินแปลงดังกล่าวภายใน 7 วัน นับแต่วันศาลมีคำพิพากษา และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย 300 บาท และต่อไปวันละ 100 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยทั้งสองและบริวารจะขนย้ายทรัพย์สินออกจากบ้านและที่ดิน
จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์จะมีสิทธิครอบครองบ้านเลขที่ 73และที่ดินแปลงดังกล่าวหรือไม่ จำเลยทั้งสองไม่ทราบและไม่รับรองบ้านและที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นของนางปี๋ สมพะมิตร เมื่อประมาณปีพ.ศ. 2518 นางปี๋ได้อนุญาตให้จำเลยทั้งสองปลูกสร้างบ้านลงในที่ดินพิพาท เป็นบ้านเลขที่ 73/1 จำเลยทั้งสองได้สิทธิเหนือพื้นดินจากนางปี๋เป็นเวลา 13 ปีแล้ว และจะอยู่ต่อไปตลอดอายุของจำเลยทั้งสองโจทก์ไม่มีสิทธิมาฟ้องขับไล่ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองพร้อมบริวารออกไปจากบ้านเลขที่ 73/1 หมู่ 5 ตำบลไหล่หิน อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปางซึ่งอยู่บนที่ดินตาม น.ส.3 ก. เลขที่ 3315 ตำบลไหล่หิน อำเภอเกาะคาจังหวัดลำปาง ภายใน 7 วัน ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายวันละ 30 บาท ตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2531 เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งสองและบริวารจะออกไปจากบ้านและที่ดินแปลงดังกล่าว
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่งและคำพิพากษา
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 181 แล้วดำเนินกระบวนพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดีต่อไป ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ไม่ควรหยิบยกเรื่องโจทก์ขอแก้ไขคำฟ้องมาเป็นเหตุยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยนอกประเด็นที่จำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ไม่ชอบนั้น เห็นว่า โจทก์ขอแก้ไขคำฟ้องจากบ้านเลขที่ 73 หมู่ 5 ตำบลไหล่หิน อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปางเป็นบ้านเลขที่ 73/1 หมู่ 5 ตำบลไหล่หิน อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปางเพื่อให้เป็นไปตามคำให้การของจำเลย เมื่อมีการชี้สองสถาน จำเลยไม่มาศาล ศาลนัดสืบพยานจำเลย ถึงวันนัดทนายจำเลยรับสำเนาคำร้องดังกล่าวก็ไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใด แสดงว่าคู่ความเต็มใจที่จะดำเนินคดีกันตามประเด็นข้อพิพาทที่ศาลได้ชี้สองสถานไว้ไม่ต้องการให้ดำเนินกระบวนพิจารณาล่าช้าเพราะเหตุนี้ ประเด็นเรื่องแก้ไขคำฟ้องจึงยุติแล้ว พิเคราะห์ตามรูปคดีแล้วเห็นว่า เรื่องแก้ไขคำฟ้องแม้ว่าศาลชั้นต้นจะมิได้ส่งสำเนาคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องให้แก่จำเลยทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน ก่อนกำหนดนัดพิจารณาคำร้องนั้นก็ตาม แต่การขอแก้ไขเลขบ้านตามคำฟ้อง หาใช่การขอแก้ไขคำฟ้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 181 ไม่ศาลอุทธรณ์จึงไม่ชอบที่จะหยิบยกเหตุดังกล่าวมาเป็นเหตุยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ควรจะวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยไปให้สิ้นกระแสความ
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ให้ศาลอุทธรณ์ภาค 2พิพากษาคดีใหม่ โดยวินิจฉัยไปตามข้ออุทธรณ์ของจำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้ผู้แพ้คดีในที่สุดเป็นผู้เสียแทนอีกฝ่ายหนึ่ง โดยกำหนดค่าทนายความชั้นนี้ให้ 300 บาท.