คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6016/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยประกอบธุรกิจจัดหางานให้แก่คนหางานโดยเรียกและรับค่าบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยกระทำการโดยทุจริตหลอกลวงประชาชนด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จและปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน โดยจำเลยใช้อุบายหลอกลวงว่าจำเลยสามารถจัดหางานให้ผู้เสียหายและประชาชนไปทำงานที่ประเทศมาเลเซีย อันเป็นความเท็จ ความจริงจำเลยไม่สามารถจัดหางานให้แก่ผู้เสียหายและประชาชนผู้ประสงค์จะไปทำงานในประเทศมาเลเซียได้ แสดงว่าจำเลยไม่ประสงค์ที่จะจัดหางานดังกล่าวอย่างจริงจังถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาจะจัดหางานให้แก่ผู้เสียหายแต่อย่างใดจำเลยเพียงแต่อ้างการประกอบธุรกิจจัดหางานมาเป็นข้อหลอกลวงเพื่อให้ได้เงินค่าบริการจากผู้เสียหายเท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานจัดหางานโดยมิได้รับอนุญาต.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2511 มาตรา 4, 7, 27ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 343, 91 กับให้จำเลยคืนหรือใช้เงินแก่ผู้เสียหายทั้งหกคนละ 20,000 บาท
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2511 มาตรา 7, 27 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341, 343, 91 ข้อหาจัดหางานโดยรับค่าบริการโดยไม่ได้รับอนุญาตลงโทษจำคุก 1 เดือน ข้อหาฉ้อโกงประชาชนลงโทษจำคุก 3 ปี รวมเป็นโทษจำคุก 3 ปี 1 เดือน ให้จำเลยคืนเงินแก่ผู้เสียหายทั้งหกคนละ20,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การหลอกลวงของจำเลยไม่เป็นการหลอกลวงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 หากแต่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 หลายกรรมต่างกันตามมาตรา 91 ผู้เสียหายร้องทุกข์เกิน 3 เดือน นับแต่วันที่รู้เรื่องและรู้ตัวผู้กระทำผิดคดีโจทก์จึงขาดอายุความ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 96 ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ในข้ออื่นของจำเลยต่อไป เพราะไม่เป็นประโยชน์แก่คดีพิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยในข้อหาจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาต
ศาลฎีกาพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เฉพาะข้อหาตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2511 ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหามาสู่ศาลฎีกาว่าตามฟ้องจากโจทก์จำเลยได้กระทำความผิดฐานจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2511 หรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์ว่าจำเลยประกอบธุรกิจจัดหางานให้แก่คนหางานโดยเรียกและรับค่าบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนโจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกระทำการโดยทุจริตหลอกลวงประชาชนด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จและปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน โดยจำเลยใช้อุบายหลอกลวงว่าจำเลยสามารถจัดหางานให้ผู้เสียหายและประชาชนไปทำงานที่ประเทศมาเลเซีย อันเป็นความเท็จความจริงจำเลยไม่สามารถจัดหางานให้แก่ผู้เสียหายและประชาชนผู้ประสงค์จะไปทำงานในประเทศมาเลเซียได้ เช่นนี้แสดงว่าจำเลยไม่ประสงค์ที่จะจัดหางานดังกล่าวอย่างจริงจัง ถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาจะจัดหางานให้แก่พวกผู้เสียหายแต่อย่างใด จำเลยเพียงแต่อ้างการประกอบธุรกิจจัดหางานมาเป็นข้อหลอกลวงเพื่อให้ได้เงินค่าบริการจากผู้เสียหายเท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานจัดหางานโดยมิได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2511 ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share