แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ลำพังคำเบิกความของพยานที่เคยถูกฟ้องเป็นจำเลยในข้อหาลักทรัพย์ของผู้เสียหายรายเดียวกันมาก่อน เป็นคำซัดทอดของผู้ที่ร่วมกระทำผิดด้วยกัน ไม่พอรับฟังลงโทษจำเลย
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335, 83 จำคุก 3 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงคงฟังได้ในเบื้องต้นว่าตามวันเวลาเกิดเหตุมีคนร้ายลักเอาทรัพย์ของผู้เสียหายซึ่งเก็บไว้ในบ้านรวมราคา 5,000 บาท ตามฟ้องไป ปัญหาวินิจฉัยมีว่า จำเลยเป็นคนร้ายร่วมทำการลักทรัพย์หรือไม่ โจทก์มีนายสมศักดิ์หรือนวลสุภาคุณ เป็นพยานเบิกความว่า วันเกิดเหตุได้ร่วมกับจำเลยและนายสมบัติ เข้าไปลักทรัพย์ในบ้านผู้เสียหาย โดยจำเลยเป็นคนงัดประตูบ้านแล้วเข้าไปลักเอาทรัพย์ของผู้เสียหายตามฟ้องออกมาแต่พยานโจทก์ปากนี้เคยถูกฟ้องเป็นจำเลยในข้อหาลักทรัพย์ของผู้เสียหายรายเดียวกันนี้มาก่อน คำเบิกความของพยานปากนี้จึงเป็นคำซัดทอดระหว่างผู้กระทำความผิดด้วยกัน ทั้งพยานยังยอมรับว่าเคยมีสาเหตุโกรธเคืองเรื่องผู้หญิงกับจำเลยมาก่อน นอกจากนี้แล้วโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานใดมาพิสูจน์ความผิดของจำเลยอีก และนางเสาวลักษณ์ แซ่ตั้ง พยานโจทก์อีกปากหนึ่งก็เบิกความว่าเห็นคนร้ายเดินออกจากบ้านผู้เสียหายผ่านหน้าบ้านของพยานไปคนเดียวซึ่งต่อมาทราบว่าคนร้ายคนนี้คือนายสมศักดิ์หรือนวล พยานปากนี้ไม่ได้เบิกความว่าเห็นจำเลยด้วย เห็นว่า พยานโจทก์คงมีแต่คำซัดทอดของผู้ที่ร่วมกระทำผิดด้วยกัน ไม่พอรับฟังลงโทษจำเลยที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา”
พิพากษายืน