คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5999/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

มารดาโจทก์มอบที่ดินพิพาทซึ่งเป็นที่ดินมรดกของบิดาโจทก์ให้จำเลยครอบครองทำกินต่างดอกเบี้ย การที่จำเลยนำที่ดินดังกล่าวไปขอออก น.ส.3 ก. ใส่ชื่อจำเลยเป็นเจ้าของนั้น ฟังได้เพียงว่าเป็นการครอบครองที่ดินพิพาทแทนทายาทของบิดาโจทก์เท่านั้นจำเลยจึงไม่ได้สิทธิครอบครอง การออก น.ส.3 ก. ไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะที่ดินพิพาทยังเป็นมรดกของบิดาโจทก์ตกได้แก่ทายาท โจทก์ในฐานะบุตรที่บิดาโจทก์รับรองแล้วจึงเป็นทายาทมีสิทธิฟ้องเรียกที่ดินพิพาทจากจำเลย แม้โจทก์จะมิได้ขอให้เพิกถอน น.ส.3 ก. ที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกาก็มีอำนาจสั่งเพิกถอน น.ส.3 ก. ดังกล่าวได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นทายาทของนายสินซึ่งเป็นบิดา ก่อนตายนายสินมีที่ดินนามือเปล่า 1 แปลง ซึ่งเป็นมรดกตกทอดได้แก่โจทก์มารดาโจทก์กู้ยืมเงินจากจำเลย และนำที่ดินดังกล่าวมอบแก่จำเลยทำประโยชน์เก็บกินแทนดอกเบี้ย ต่อมาโจทก์และมารดาโจทก์ นำเงินไปชำระเพื่อขอไถ่ถอนที่ดินที่จำนำไว้คืน แต่จำเลยปฏิเสธอ้างว่าให้โจทก์หาเงินมาไถ่ถอนจำนวน 100,000 บาท และจำเลยได้แจ้งแก่โจทก์ว่าจำเลยได้ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 1073เป็นชื่อของจำเลยแล้ว การออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของจำเลยจึงเป็นการออกโดยไม่ชอบ ขอให้บังคับจำเลยไปทำการจดทะเบียนเพิกถอนชื่ออกจากหนังสือรับรองการทำประโยชน์ หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาแทนจำเลย ให้จำเลยรับชำระหนี้จำนวน 3,000 บาทจากโจทก์ และส่งมอบที่ดินนาตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ดังกล่าวคืนแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า ที่ดินพิพาทเป็นของจำเลย โดยจำเลยซื้อมาจากนายสิน มารดาโจทก์ไม่เคยกู้ยืมเงินจากจำเลยและไม่เคยมอบที่ดินพิพาทให้จำเลยทำกินต่างดอกเบี้ย โจทก์ไม่ได้ฟ้องภายใน 1 ปีนับแต่ถูกแย่งการครอบครอง จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ เป็นให้เพิกถอนชื่อจำเลยจากหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 1073 หากจำเลยไม่ดำเนินการให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลยกับให้จำเลยรับชำระหนี้จำนวน 3,000 บาท และส่งมอบที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ดังกล่าวคืนแก่โจทก์
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นได้รับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มารดาโจทก์เป็นหนี้เงินยืมจำเลย และนำที่ดินพิพาทซึ่งเป็นที่ดินมรดกของนายสินมอบให้จำเลยครอบครองทำกินต่างดอกเบี้ย การที่จำเลยครอบครองที่ดินพิพาทและนำไปขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ใส่ชื่อจำเลยเป็นเจ้าของนั้น ฟังได้เพียงว่าเป็นการครอบครองที่ดินพิพาทแทนทายาทของนายสินผู้ตายเท่านั้น จำเลยจึงไม่ได้สิทธิครอบครองการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะที่ดินพิพาทยังเป็นมรดกของนายสินซึ่งตกได้แก่ทายาท โจทก์ในฐานะเป็นบุตรซึ่งบิดารับรองแล้วจึงเป็นทายาทมีสิทธิฟ้องเรียกที่ดินพิพาทจากจำเลย
แต่ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาให้เพิกถอนชื่อจำเลยจากหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 1073 โดยมิได้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เพื่อให้โจทก์ไปดำเนินการขอเอกสารสิทธิเกี่ยวกับที่ดินตามสิทธินั้น ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไข แม้โจทก์จะมิได้มีคำขอ ศาลฎีกาก็มีอำนาจสั่งเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ดังกล่าวที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเสียได้
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3 ก.) เลขที่ 1073 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1

Share