แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องกล่าวบรรยายข้อเท็จจริงแห่งการกระทำของจำเลยหลายประการ และโจทก์ได้สืบได้สมบ้างไม่สมบ้าง เมื่อการกระทำที่ฟังได้สมฟ้องนั้นเป็นการกระทำซึ่งเป็นควาผิดตามที่โจทก์ฟ้องแล้ว ศาลย่อมลงโทษจำเลยได้ตามฟ้อง จะถือว่าเป็นกรณีข้อเท็จจริงที่ฟังได้ในการพิจารณาแตกต่งกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องแล้วพิพากษายกฟ้องหาได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบังอาจขับรถยนต์ไปในถนนหลวงด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวัง ซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจะต้องมีฯ กล่าวคือ จำเลยไม่มีใบอนุญาตให้ขับขี่รถยนต์ ได้นำเอารถยนต์มาขับขี่ในถนนหลวงอย่างไม่มีความชำนาญพอ และจำเลยไม่ปฏิบัติตามกฎหมายคือ จำเลยขับรถแซงขึ้นหน้ารถยนต์ของนายประพัตร อินทะพันธ์ โดยไม่ใช้แตรขอทาง และรอให้รถคันหน้าอนุญาตให้ขึ้นหน้าได้เสียก่อน จำเลยขับแซงขึ้นไป เป็นเหตุให้รถที่จำเลยขับไปชนเอาท้ายเบียดด้านข้างรถยนต์ซึ่งนายประพัตรขับอยู่ข้างหน้าเสียหลักคว่ำลงเป็นเหตุให้นายประพัตรตาย และผู้อื่นอีก ๙ คนบาดเจ็บและบาดเจ็บสาหัส ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๑, ๓๐๐, ๓๙๐ พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๔๗๗ มาตรา ๓๒ พระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๔๘๑ มาตรา ๔
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตราที่ระบุไว้ท้ายฟ้อง แต่ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๑ ซึ่งเป็นบทหนัก ให้จำคุก ๔ ปี
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลสั่งรับฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมายที่ว่าโจทก์ฟังว่าจำเลยขับรถยนต์ขนท้ายรถยนต์ของนายประพัตร แต่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงต้องกันมาว่ารถที่จำเลยขับมิได้ชนท้ายรถของนายประพัตร เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาจึงแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง ชอบที่จะยกฟ้อง
ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลอุทธรณ์และศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงต้องกันมาว่า จำเลยขับรถยนต์โดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่และขับแซงขึ้นหน้ารถของนายประพัตรโดยมิได้ให้สัญญาขอทาง และนายประพัตรยังมิได้ให้สัญญาณให้แซงได้ รถของจำเลยที่ขับแซงขึ้นไปจึงเบียดและปะทะกับรถของนายประพัตร เป็นเหตุให้รถของนายประพัตรคว่ำลง ฟังได้ว่าเหตุเกิดเพราะความประมาทของจำเลย ในการวินิจฉัยข้อกฎหมาย ศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตาม และเห็นว่าคำบรรยายฟ้องกับข้อเท็จจริงที่ฟังได้ในการพิจารณายังไม่พอจะถือว่าข้อเท็จจริงที่ฟังได้ในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง เป็นเรื่องโจทก์บรรยายข้อเท็จจริงแห่งการกระทำของจำเลยหลายประการ และโจทก์ได้สืบได้สมบ้างไม่สมบ้าง ที่นำสืบฟังได้ก็คือจำเลยขับรถยนต์แซงขึ้นหน้ารถยนต์ของนายประพัตร และเบียดข้างรถของนายประพัตร ทำให้คว่ำลง ซึ่งตรงกับข้อเท็จจริงประการหนึ่งที่โจทก์กล่าวอ้างในฟ้อง ส่วนที่ศาลไม่ฟังข้อเท็จจริงว่ารถยนต์ชนท้ายรถนายประพัตรก่อน ก็เป็นเรื่องโจทก์สืบไม่สมในข้อนี้ แต่ถึงอย่างไรการที่จำเลยขับรถแซงขึ้นหน้ารถของนายประพัตรโดยไม่ให้สัญญาขอทางและเบียดข้างรถของนายประพัตรคว่ำลง
ก็เป็นการกระทำโดยประมาทเป็นความผิดตามฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยชอบแล้ว
พิพากษายืน