แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยตาม ม.299 แห่งกฎหมายอาญา กับให้ลงโทษกักกัน 3 ปี จำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกโทษกักกันศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องในความผิดฐานชิงทรัพย์ด้วยได้ เพราะเป็นกรณีเกี่ยวพันกัน
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตามกฎหมายอาญา ม.๒๙๙ จำคุก ๓ ปี และให้ลงโทษกักกันฯ ๓ ปี
จำเลยอุทธรณ์เห็นว่าตามคำพะยานโจทก์หามีการชิงทรัพย์ดังคำรับของจำเลยไม่ แม้จำเลยจะอุทธรณ์ฉะเพาะโทษกักกัน ฯ ก็ดี ศาลอุทธรณ์ก็พิจารณาได้ทั้งเรื่องตาม ม.๑๘๕ ประกอบด้วย ม.๑๙๕ วรรคท้ายแห่งประมวลวิธีพิจารณาอาญา ให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาตัดสินว่าการที่จะลงโทษกักกันจำเลยหรือไม่ ต้องวินิจฉัยว่ามีการชิงทรัพย์จริงหรือไม่ เพราะถ้าไม่มีการชิงทรัพย์ก็ลงโทษกักกันจำเลยไม่ได้ และเป็นคดีฟ้องรวมกัน คำพิพากษาฉะบับเดียวกัน คำวินิจฉัยลงโทษจำคุกจึงยังไม่ถึงที่สุด ศาลอุทธรณ์จึงมีอำนาจวินิจฉัยถึงโทษจำคุกที่ศาลชั้นต้นวางมาได้ วินิจฉัยยืนตามศาลอุทธรณ์