คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5912/2546

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่โจทก์มีพฤติการณ์ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดจนถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนแล้วเห็นว่าคดีมีมูล จึงส่งสำนวนการสอบสวนให้พนักงานอัยการพิจารณา จนมีคำสั่งฟ้องโจทก์เป็นจำเลยต่อศาล และคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล แม้จะยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลว่าโจทก์กระทำผิดตามฟ้อง ก็ถือว่าโจทก์ประพฤติชั่วอันเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยหมวดที่ 9 ว่าด้วยวินัยและการลงโทษข้อ 19 ซึ่งเป็นกรณีร้ายแรง จำเลยจึงเลิกจ้างโจทก์ได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย ตาม พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 119 (4)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด จำเลยจ้างโจทก์เข้าทำงานตำแหน่งช่างซ่อมบำรุง แผนกซ่อมบำรุง ฝ่ายปฏิบัติการโรงงาน จำเลยมีหนังสือเลิกจ้างโจทก์โดยไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้าแต่ให้เหตุผลว่าโจทก์ฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานข้อ ๑๙ และข้อ ๒๑ ทั้งที่โจทก์ปฏิบัติหน้าที่ด้วยดีตลอดมา โจทก์จึงมีสิทธิได้ค่าชดเชยและค่าเสียหายจากการขาดรายได้ ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าเสียหายวันละ ๑๘๓ บาท นับแต่วันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๔๔ เป็นระยะเวลา ๑๐๐ วัน เป็นเงิน ๑๘,๓๐๐ บาท ค่าชดเชย ๔๓,๙๒๐ บาท แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์ เพราะโจทก์ทำผิดระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานหมวด ๙ ข้อ ๑๙ และข้อ ๒๑ ในข้อที่ว่าประพฤติชั่ว และกระทำผิดกฎหมายแพ่งหรือกฎหมายอาญา กล่าวคือ เมื่อวันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๔๔ เจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจภูธรตำบลหนองพลับเข้าจับกุมโจทก์กับภรรยาของโจทก์พร้อมกับยึดเมทแอมเฟตามีนของกลางจำนวน ๑๖๕ เม็ด โดยกล่าวหาว่าร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ทั้งนี้โดยโจทก์มีพฤติการณ์ลักลอบจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน การกระทำของโจทก์เป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยอย่างร้ายแรง จำเลยจึงไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายและค่าชดเชยแก่โจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายเงินค่าชดเชย ๔๓,๙๒๐ บาท แก่โจทก์ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยเพียงประการเดียวว่า จำเลยต้องจ่ายค่าชดเชยตามที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้โจทก์หรือไม่ โดยจำเลยอุทธรณ์ว่า โจทก์ถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายจำนวน ๑๖๕ เม็ด และเจ้าพนักงานตำรวจได้มีหนังสือแจ้งจำเลยว่าโจทก์มีพฤติกรรมลักลอบจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนมานาน เจ้าพนักงานตำรวจเข้าทำการตรวจค้นบ้านพักของโจทก์พบเมทแอมเฟตามีนซุกซ่อนอยู่บนเพดานฝ้าในบ้าน พฤติการณ์ของโจทก์ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดถือว่าเป็นการประพฤติชั่ว ฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลย หมวดที่ ๙ ว่าด้วยวินัยและการลงโทษข้อ ๑๙ ซึ่งเป็นกรณีร้ายแรง จำเลยจึงเลิกจ้างโจทก์ได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ มาตรา ๑๑๙ (๔) เห็นว่า สภาพการทำงานในบริษัทจำเลยนั้น พนักงานส่วนใหญ่ต้องใช้มีดเป็นอุปกรณ์ในการทำงาน การเสพยาเสพติดอาจก่อให้เกิดอันตรายในการทำงานได้ นอกจากนี้การจำหน่ายยาเสพติดก็เป็นภัยต่อเศรษฐกิจของผู้เสพ อาจก่อให้เกิดอาชญากรรมขึ้น อีกทั้งทำให้ผู้เสพทำงานบกพร่อง ผลงานลดน้อยถอยลงอันมีผลกระทบต่อการทำงานของพนักงานสถานประกอบการของจำเลยซึ่งมีลูกจ้างจำนวนมากถึง ๔,๕๐๐ คน และศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ถูกดำเนินคดีอาญาข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และบริษัทจำเลยเคร่งครัดไม่ให้พนักงานเกี่ยวข้องกับยาเสพติด การที่โจทก์มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติดอาจก่อให้เกิดอันตรายในการทำงานของพนักงาน ทั้งเป็นที่เสียหายแก่ชื่อเสียงจำเลย การที่โจทก์มีพฤติการณ์ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดจนถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนแล้วเห็นว่าคดีมีมูล จึงส่งสำนวนการสอบสวนให้พนักงานอัยการพิจารณา จนมีคำสั่งฟ้องโจทก์เป็นจำเลยต่อศาล และคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล แม้จะยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลว่าโจทก์กระทำผิดตามฟ้องก็ถือว่าโจทก์ประพฤติชั่วอันเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลย หมวดที่ ๙ ว่าด้วยวินัยและการลงโทษ ข้อ ๑๙ ซึ่งเป็นกรณีร้ายแรง จำเลยจึงเลิกจ้างโจทก์ได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ มาตรา ๑๑๙ (๔) ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยให้แก่โจทก์นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของจำเลยข้อนี้ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำขอเกี่ยวกับค่าชดเชยด้วย นอกจากที่แก้ให้บังคับตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง.

Share