แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พ.ร.บ.ออกโฉนดที่ดิน (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2486 ม.13 เพียงแต่บอกระเบียบให้จัดการขึ้นทะเบียนเป็นเจ้าของที่ดินตามกฎหมาย แต่บุคคลอาจได้ที่ดินมาตามกฎหมายที่ใช้อยู่ก่อนพ.ศ.2486 เมื่อโจทก์มิได้คัดค้านว่า การให้ที่ดินไม่เป็นการได้มาตามกฎหมายที่ดินที่ใช้อยู่ก่อนนั้นแล้วก็ไม่พอฟังว่าที่ดินซึ่งจำเลยตัดต้นไม้ชะนิดหวงห้ามนั้นตกเป็นป่า ตามวิเคราะห์ศัพท์ใน พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา (1) คดีจึงไม่พอลงโทษจำเลยฐานตัดต้นไม้หวงห้ามในที่ป่า
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจตัดฟันต้นไม้ฝากและไม้ตระบูนซึ่งเป็นไม้ประเภทหวงห้าม โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.๒๔๘๔ ม.๑๑,๗๓,๗๔ และริบของกลาง
จำเลยให้การว่า ได้ตัดต้นไม้ประเภทหวงห้ามโดยมิได้รับอนุญาตจริง แต่สถานที่ตัดไม้ไม่ใช่ป่า เป็นที่ดินของนายพรม มีกรรมสิทธิตามกฎหมาย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องโดยเห็นว่า ที่รายนี้เป็นสวนจากและที่เลี้ยงสัตว์มาแต่ครั้งบิดามารดาของนายพรมเจ้าของปลูกจากไม่เต็มเนื้อที่ แต่เจ้าของได้ตัดจากและต้นไม้ใช้ประโยชน์ครอบครองมาประมาณ ๒๐ ปีแล้ว ที่ดินรายนี้จึงไม่กลายสภาพเป็นป่าตามความเห็นของโจทก์
โจทก์ฎีกาว่า นายพรมยังไม่อาจมีสิทธิได้มา ตามพ.ร.บ.ออกโฉนดที่ดิน (ฉบับที่ ๗) พ.ศ.๒๔๘๖ ม.๑๓ ที่ดินจึงตกเป็นป่าตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.๒๔๘๔ มาตรา ๔(๑) เมื่อจำเลยตัดไม้หวงห้ามโดยไม่รับอนุญาตจึงมีความผิด
ศาลฎีกาเห็นว่า พ.ร.บ.ออกโฉนดที่ดิน (ฉบับที่ ๗) พ.ศ.๒๔๘๖ มาตรา ๑๓ มีความว่า “ให้ผู้ที่ได้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินอยู่โดยชอบด้วยกฎหมายก่อนวันใช้ พ.ร.บ.ออกโฉนดที่ดิน(ฉบับที่ ๖) พ.ศ.๒๔๗๔ ซึ่งยังไม่มีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ จัดการขึ้นทะเบียนนั้นตามวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง และให้รัฐมนตรีผู้รักษาการตาม พ.ร.บ.นี้กำหนดระยะเวลาให้ผู้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินจัดการขึ้นทะเบียนเป็นท้องที่ ๆ ไป ฯลฯ” กฎหมายบทนี้เพียงแต่บอกระเบียบให้จัดการขึ้นทะเบียนเป็นเจ้าของที่ดิน ศาลฎีกาเห็นว่า การได้ที่ดินตามกฎหมาย บุคคลอาจได้มาตามกฎหมายที่ใช้อยู่ก่อน พ.ศ.๒๔๘๖ โจทก์มิได้คัดค้านว่า การได้ที่ดินรายนี้ไม่เป็นการได้มาตามกฎหมายที่ดินที่ใช้อยู่ในเวลาก่อนนั้น คดีจึงไม่พอฟังว่าที่ดินรายนี้ได้+เป็นป่าตามพ.ร.บ.ป่าไม้ที่วิเคราะห์ศัพท์คำว่า “ป่า” หมายความว่า ที่ดินที่ยังมิได้มีบุคคลได้มาตามกฎหมายที่ดิน จะชี้ขาดว่าจำเลยได้กระทำผิดดังข้อหานั้นไม่ได้ จึงพิพากษายืน