แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
หลังจากศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้คู่ความฟังเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2533 แล้ว ต่อมาวันที่ 26 กรกฎาคม 2533โจทก์ได้มาตรวจสำนวนและทราบว่ามีการแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ทราบและอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้คู่ความฟังแล้วโจทก์จึงขอคัดเอกสารที่เกี่ยวข้องไป หากจะฟังว่าการแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ทราบโดยการปิดประกาศที่หน้าศาลเป็นการไม่ชอบก็ถือได้ว่าโจทก์ได้ทราบเรื่องผิดระเบียบในวันดังกล่าวซึ่งหากโจทก์ประสงค์จะขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบดังกล่าว โจทก์ก็จะต้องยื่นคำร้องต่อศาลภายในแปดวันนับแต่วันที่ 26 กรกฎาคม 2533 ซึ่งเป็นวันที่โจทก์ได้ทราบเรื่องผิดระเบียบนั้นตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 27 วรรคสอง ที่โจทก์มายื่นคำร้องขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาดังกล่าวในวันที่ 9 สิงหาคม 2533จึงเกินกำหนดแปดวัน เป็นคำร้องที่ไม่ชอบ
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยจดทะเบียนรับโจทก์ที่ 1เป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทจำเลย ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์ ต่อมาศาลชั้นต้นส่งหมายแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้คู่ความทราบ แต่ส่งหมายนัดให้แก่โจทก์ทั้งสองตามภูมิลำเนาที่ระบุในคำฟ้องไม่ได้ โดยได้รับแจ้งว่าไม่มีตัวโจทก์และไม่มีบ้านเลขที่ตามที่ระบุในคำฟ้อง ศาลชั้นต้นจึงสั่งให้ปิดประกาศแจ้งวันนัดให้โจทก์ทั้งสองทราบที่หน้าศาลแทนการส่งหมาย ครั้นถึงวันนัดวันที่12 มีนาคม 2533 โจทก์ทั้งสองไม่มาศาล ศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไปโดยให้ถือว่าได้อ่านให้โจทก์ทั้งสองฟังโดยชอบแล้ว
ต่อมาวันที่ 9 สิงหาคม 2533 โจทก์ทั้งสองยื่นคำร้องว่าโจทก์ทั้งสองไม่ทราบวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ การที่ศาลชั้นต้นปิดประกาศแจ้งวันนัดให้โจทก์ทั้งสองทราบที่หน้าศาลนั้นไม่ชอบ โจทก์ทั้งสองยังคงมีภูมิลำเนาตามที่ระบุในคำฟ้อง ขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบ และกำหนดวันนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า การส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ทั้งสองเป็นการส่งตามที่อยู่ซึ่งโจทก์ทั้งสองได้ระบุไว้ในคำฟ้องโดยที่ไม่ปรากฎว่าได้มีการขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้อง ต้องถือว่าโจทก์ทั้งสองยังคงมีภูมิลำเนาตามฟ้อง เมื่อไม่สามารถส่งให้โจทก์ทั้งสองโดยวิธีธรรมดาได้ การที่ศาลสั่งให้ปิดประกาศแจ้งวันนัดให้โจทก์ทั้งสองทราบที่หน้าศาลจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว ให้ยกคำร้องโจทก์ทั้งสองอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน โจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า ศาลชั้นต้นส่งหมายแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ทั้งสองตามภูมิลำเนาที่ระบุในคำฟ้องไม่ได้ เพราะได้มีการเปลี่ยนแปลงเขตการปกครองจากตำบลเสาธงไปเป็นตำบลทางพูน อำเภอร่อนพิบูลย์จังหวัดนครศรีธรรมราช หลังจากนั้นศาลชั้นต้นแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ทั้งสองทราบโดยการปิดประกาศที่หน้าศาลตลอดมาครั้นถึงวันนัดฝ่ายโจทก์ไม่ไปศาล ศาลชั้นต้นจึงอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยร่วมฟัง โดยถือว่าได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ทั้งสองฟังโดยชอบแล้ว ต่อมาโจทก์ทั้งสองยื่นคำร้องอ้างว่าการแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แก่โจทก์ทั้งสองโดยวิธีการปิดประกาศหน้าศาลเป็นการไม่ชอบ ขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณานับตั้งแต่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ทั้งสองทราบ และนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ใหม่
พิเคราะห์แล้ว คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ทั้งสองแต่เพียงว่ามีเหตุสมควรเพิกถอนการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และให้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ใหม่หรือไม่ สำหรับปัญหานี้ศาลฎีกาเห็นว่าการขอเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ โจทก์ทั้งสองจะต้องยื่นคำร้องขอเพิกถอนภายในแปดวันนับแต่วันที่ได้ทราบเรื่องผิดระเบียบนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 วรรคสองข้อเท็จจริงได้ความว่า หลังจากศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้คู่ความฟังเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2533 แล้ว ต่อมาวันที่ 26 กรกฎาคม2533 โจทก์ที่ 1 ซึ่งเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของโจทก์ที่ 2ได้ยื่นคำแถลงต่อศาลชั้นต้น ขอถ่ายสำเนาหนังสือศาลจังหวัดทุ่งสงลงวันที่ 26 มกราคม 2533 รายงานการส่งหมายนัดถึงโจทก์ทั้งสองประกาศของศาลชั้นต้นลงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2533 สำเนาใบสำคัญเพื่อแสดงว่าคำพิพากษาคดีได้ถึงที่สุดแล้ว รายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2533 และคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ซึ่งศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ทั้งสองถ่ายเอกสารดังกล่าว และรองจ่าศาลได้ดำเนินการถ่ายเอกสารดังกล่าวกับมอบให้โจทก์ทั้งสองรับไปในวันเดียวกันนั้น แสดงว่าในวันที่ 26 กรกฎาคม 2533โจทก์ทั้งสองได้มาตรวจสำนวนและทราบว่ามีการแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ทั้งสองทราบและอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้คู่ความฟังแล้วโจทก์ทั้งสองจึงขอคัดเอกสารที่เกี่ยวข้องไป หากจะฟังว่าการแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ทราบโดยการปิดประกาศที่หน้าศาลเป็นการไม่ชอบดังที่โจทก์ทั้งสองอ้าง ก็ถือได้ว่าโจทก์ทั้งสองได้ทราบเรื่องผิดระเบียบในวันดังกล่าว ซึ่งหากโจทก์ทั้งสองประสงค์จะขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบดังกล่าว โจทก์ทั้งสองก็จะต้องยื่นคำร้องต่อศาลภายในแปดวันนับแต่วันที่ 26 กรกฎาคม 2533ที่โจทก์ทั้งสองมายื่นคำร้องขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาดังกล่าวในวันที่ 9 สิงหาคม 2533 จึงเกินกำหนดแปดวัน เป็นคำร้องที่ไม่ชอบที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 3 มีคำสั่งและคำพิพากษาให้ยกคำร้องของโจทก์ทั้งสอง ศาลฎีกาเห็นด้วยในผล”
พิพากษายืน