แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เจ้าของเหมืองแร่ให้เช่าเหมืองแร่ไปแล้ว ต่อมาให้ผู้อื่นเช่าอีก เมื่อผู้เช่ารายหลังเข้าไปทำในทรัพย์ที่เช่า ก็ถือว่าเจ้าของและผู้เช่ารายหลังทำละเมิดต่อผู้เช่ารายแรกต้องรับผิดชอบในความเสียหายให้แก่ผู้เช่ารายแรก
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ไม่เต็มตามฟ้องโจทก์มิได้อุทธรณ์ฎีกา แม้จะได้ความว่า ตามทางพิจารณาว่าโจทก์เสียหายมากกว่าที่ศาลชั้นต้นกะให้ ก็ไม่มีทางแก้ไข
ย่อยาว
ได้ความว่า โจทก์ได้ทำสัญญาเช่าเหมืองแร่ตามประทานบัตรรวม 3 เหมืองของกองมรดกซึ่งจำเลยที่ 1-2 เป็นผู้จัดการ ภายหลังจำเลยที่ 1-2 ได้ทำสัญญายอมให้จำเลยที่ 3 ถ่ายมูลดินลงในหลุมเหมือง และทำสายน้ำผ่านหลุมเหมืองที่โจทก์เช่าอยู่โดยมิได้รับความยินยอมจากโจทก์ โจทก์ฟ้องขอให้ศาลทำลายสัญญาระหว่างจำเลยและขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ด้วย
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยแพ้คดี และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ 12,000 บาท
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว ฟังข้อเท็จจริงตามศาลชั้นต้นเห็นว่าการกระทำของจำเลยเช่นนี้ เห็นได้ว่าเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์จึงต้องรับใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ แต่ค่าเสียหายนี้โจทก์ฟ้องเรียก 20,000 บาทและสืบพยานคำนวนค่าเสียหายในการจะต้องขุดมูลดินทรายขึ้นว่าราว 100,000 บาท ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย 12,000 บาท โจทก์มิได้อุทธรณ์ฎีกา แม้ทรงพิจารณาจะได้ความว่าโจทก์อาจต้องเสียหายมากกว่านี้ ก็ไม่มีทางแก้ไขศาลฎีกาคงพิพากษายืน