คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 575/2507

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อเท็จจริงได้ความว่า บริษัทอุดม จำกัด ได้กู้เงินจากโจทก์ไป 500,000 บาท โดยมอบกระดาษฝากเข้าคลังสินค้าของโจทก์และจำนำกระดาษนั้นไว้เป็นประกัน โดยโจทก์ออกใบรับคลังสินค้าและใบประทวนสินค้าให้ไว้เป็นสำคัญ มีกำหนดชำระหนี้ภายใน 3 เดือน แต่โจทก์ยอมผ่อนผันให้ต่ออายุใบประทวนสินค้าไปได้เป็นระยะๆ เพื่อให้โจทก์อำนวยประโยชน์ต่ออายุใบประทวนสินค้าให้บริษัทอุดม จำกัด จำเลยจึงได้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้โจทก์ไว้หนึ่งฉบับ ลงวันที่27 ธันวาคม 2494 มีข้อความว่า จำเลยในฐานะส่วนตัวสัญญาจะใช้เงิน 500,000 บาทให้แก่โจทก์ในวันถึงกำหนดและได้มอบตั๋วนี้ไว้แก่กรรมการบริษัทโจทก์โดยมีคำสั่งมอบหมายแก่กรรมการบริษัทโจทก์ว่า วันถึงกำหนดแห่งตั๋วสัญญาใช้เงินนั้น เมื่อใดมีความจำเป็นที่โจทก์จะใช้ตั๋วนี้ฟ้องร้องชำระหนี้จากจำเลยเป็นส่วนตัว ก็ให้กรรมการบริษัทโจทก์กรอกวันถึงกำหนดแห่งตั๋วเอาเอง ดังนี้ กำหนดใช้เงินตามตั๋วต้องเป็นไปตามกำหนดเวลาในใบประทวนสินค้าคือ ระยะละ 3 เดือน ถ้ามีการต่ออายุใบประทวนสินค้าไปเท่าไร กำหนดใช้เงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินก็ตามไปด้วยถ้าไม่มีการต่ออายุใบประทวนสินค้าเมื่อไร การใช้เงินตามตั๋วก็ถึงกำหนดไปด้วยเมื่อนั้น แล้วจึงให้ฝ่ายโจทก์กรอกวันถึงกำหนดใช้เงินลงในตั๋ว ข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยกันเองเช่นนี้ ต้องถือว่าตั๋วสัญญาใช้เงินฉบับนี้มีกำหนดเวลาใช้เงินตามกำหนดเวลาในใบประทวนสินค้า หาใช่กำหนดให้ใช้เงินเมื่อเห็นตั๋วไม่ ข้อตกลงเช่นว่านี้ไม่เป็นการผิดหรือขัดต่อกฎหมาย และไม่เป็นการขยายอายุความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อเดือนธันวาคม 2494 บริษัทอุดม จำกัด ได้กู้เงินจากโจทก์ไป 500,000 บาท โดยมอบกระดาษราคา 700,000 บาทเศษ ฝากเข้าคลังสินค้าของโจทก์ และทำจำนำกระดาษนั้นไว้เป็นประกันโดยโจทก์ออกใบรับคลังสินค้าและใบประทวนสินค้าให้ไว้เป็นสำคัญมีกำหนดชำระหนี้ภายใน 3 เดือน แต่โจทก์ยอมผ่อนผันให้ต่ออายุใบประทวนสินค้าไปได้เป็นระยะ ๆ เพื่อให้โจทก์อำนวยประโยชน์ต่ออายุใบประทวนสินค้าให้บริษัทอุดม จำกัด จำเลยในฐานะส่วนตัวได้ลงลายมือชื่อในตั๋วสัญญาใช้เงินหนึ่งฉบับ ลงวันที่ 27 ธันวาคม 2494 มีข้อความว่า จำเลยในฐานะส่วนตัว สัญญาจะใช้เงิน 500,000 บาท ให้แก่โจทก์ในวันถึงกำหนด และได้มอบตั๋วนี้ไว้แก่นายตริน บุนนาคกรรมการบริษัทโจทก์ โดยมีคำสั่งมอบหมายแก่นายตรินว่า วันถึงกำหนดแห่งตั๋วสัญญาใช้เงินนั้น เมื่อใดมีความจำเป็นที่โจทก์จะใช้ตั๋วนี้ฟ้องร้องเอาชำระหนี้จากจำเลยเป็นส่วนตัวก็ให้นายตรินกรอกวันถึงกำหนดแห่งตั๋วเอาเอง

ครั้นถึงกำหนดชำระเงิน บริษัทอุดม จำกัด ไม่มีเงินชำระคืนได้ขอต่ออายุใบประทวนสินค้าต่อมา โจทก์ยินยอมโดยออกใบประทวนสินค้าให้ใหม่ และได้ต่ออายุโดยออกใบประทวนสินค้าให้ใหม่เป็นระยะ ๆต่อต่อกันมาตั้งแต่ พ.ศ. 2494 จนถึง 2501 บริษัทอุดม จำกัดเลิกกิจการ โจทก์จึงไม่ยอมต่ออายุใบประทวนสินค้าให้อีก และบริษัทอุดม จำกัด ต้องคำพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลายแล้ว หนี้ 500,000 บาท เป็นอันค้างวาระอยู่ตามใบประทวนสินค้าฉบับสุดท้าย ลงวันที่ 27 มกราคม 2501 ซึ่งถึงกำหนดภายใน 3 เดือน คือ วันที่ 28 เมษายน 2501 เป็นต้นมา โจทก์ไม่มีทางบังคับเอาจากบริษัทอุดม จำกัด ได้นายตรินจึงลงวันถึงกำหนดในตั๋วสัญญาใช้เงินเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2501 แล้วยื่นตั๋วให้จำเลยใช้เงินในวันเดียวกัน จำเลยปฏิเสธความรับผิด จึงขอบังคับให้จำเลยชำระเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินนั้นพร้อมด้วยดอกเบี้ย

จำเลยให้การปฏิเสธ และตัดฟ้องหลายประการ

ศาลชั้นต้นเห็นว่า หนี้ที่บริษัทอุดม จำกัด จำนำใบประทวนสินค้าเมื่อ พ.ศ. 2494 ซึ่งโจทก์อ้างว่าเป็นมูลหนี้ที่จำเลยออกตั๋วสัญญาใช้เงินฉบับพิพาทไว้ให้นั้น ความจริงระงับไปแล้วตั๋วสัญญาใช้เงินที่โจทก์นำมาฟ้องจึงไม่มีมูลหนี้ต่อกัน ไม่จำเป็นต้องพิจารณาประเด็นข้ออื่น พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เชื่อตามที่โจทก์นำสืบว่า จำเลยออกตั๋วสัญญาใช้เงินที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นประกันเงินที่บริษัทอุดม จำกัด กู้หรือจำนำกระดาษต่อโจทก์ ซึ่งยังมิได้ชำระเงินคืนให้แก่โจทก์ แต่เห็นว่าเมื่อจำเลยมอบตั๋วสัญญาใช้เงินให้โจทก์ไว้โดยมิได้ลงวันถึงกำหนดใช้เงินในตั๋ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 984 ต้องถือว่าตั๋วนั้นพึงใช้เงินเมื่อได้เห็น ตั๋วสัญญาใช้เงินฉบับนี้จึงเป็นตั๋วสัญญาใช้เงินที่สมบูรณ์แล้วและต้องถือว่าถึงกำหนดใช้เงินเมื่อได้เห็น คือ วันที่ 27 ธันวาคม 2494 ซึ่งเป็นวันที่จำเลยมอบตั๋วนั้นให้แก่โจทก์ โจทก์มีสิทธินำตั๋วยื่นขอรับเงินต่อจำเลยได้ตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2494 เป็นต้นมา การที่จำเลยตกลงมอบให้นายตรินลงวันถึงกำหนดใช้เงินเมื่อจะนำตั๋วยื่นต่อจำเลยนั้นเป็นข้อตกลงที่นอกเหนือไปจากที่กฎหมายกำหนดไว้ โดยเมื่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 984 บัญญัติให้ถือวันถึงกำหนดใช้เงินของตั๋วอย่างนี้เมื่อได้เห็นแล้ว จะตกลงกันเปลี่ยนแปลงวันถึงกำหนดใช้เงินให้เป็นอย่างอื่นไปหาได้ไม่ เมื่อนับแต่วันถึงกำหนดใช้เงินคือ วันที่ 27 ธันวาคม 2494 ถึงวันที่โจทก์นำคดีมาฟ้องเป็นเวลา 7 ปีเศษแล้ว คดีโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1001 พิพากษายืนในผลที่ให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเชื่อตามที่โจทก์นำสืบเช่นเดียวกับศาลอุทธรณ์ และฟังว่าตั๋วสัญญาใช้เงินฉบับที่โจทก์นำมาฟ้องยังมีมูลหนี้ต่อกัน

ปัญหาว่า ฟ้องของโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่าข้อเท็จจริงต้องฟังว่า จำเลยกับโจทก์ได้ตกลงกันให้เว้นว่างวันถึงกำหนดใช้เงินในตั๋วไว้ เหตุด้วยกำหนดใช้เงินตามตั๋วได้เป็นที่เข้าใจกันเป็นอันดีว่าต้องเป็นไปตามกำหนดเวลาในใบประทวนสินค้าคือ ระยะละ 3 เดือน ถ้ามีการต่ออายุในประทวนสินค้าไปเท่าไรกำหนดใช้เงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินก็ตามไปด้วย ถ้าไม่มีการต่ออายุใบประทวนสินค้าเมื่อไร การใช้เงินตามตั๋วก็ถึงกำหนดไปด้วยเมื่อนั้นแลัวจึงให้ฝ่ายโจทก์ คือ นายตริน บุนนาค กรอกวันถึงกำหนดใช้เงินลงในตั๋ว เมื่อโจทก์จำเลยตกลงกันไว้ดังนี้ และเฉพาะในระหว่างโจทก์จำเลยกันเอง ไม่เกี่ยวข้องไปถึงผู้รับโอนหรือผู้รับสลักหลังต่อไปเช่นนี้ ก็ย่อมใช้ยันระหว่างกันได้ กล่าวคือ ระหว่างกันเองต้องถือว่าตั๋วสัญญาใช้เงินฉบับนี้มีกำหนดเวลาใช้เงินตามกำหนดเวลาในใบประทวนสินค้า หาใช่กำหนดให้ใช้เงินเมื่อเห็นตั๋วไม่ ฯลฯตั๋วที่ไม่ได้ลงวันถึงกำหนดใช้เงินดังรูปเรื่องที่ฟังข้อเท็จจริงมานี้ จะถือว่าเป็นตั๋วพึงใช้เงินเมื่อได้เห็นตามบทบังคับในมาตรา 984 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ก็เฉพาะที่เกี่ยวข้องไปถึงผู้รับโอนหรือผู้รับสลักหลังที่ไม่ได้ล่วงรู้เห็นความเป็นด้วยเท่านั้น และโดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างจำเลยซึ่งเป็นผู้ออกตั๋วกับโจทก์ซึ่งเป็นผู้รับเงินตามตั๋วนั้น ข้อเท็จจริงอันใดที่ทำให้บังเกิดตั๋วขึ้น ย่อมนำสืบต่อสู้กันได้ จะถือว่าเป็นข้อตกลงที่นอกเหนือไปจากกฎหมายกำหนดไว้ อันจะตกลงในระหว่างกันเองก็ไม่ได้ดังคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นชอบด้วย ฉะนั้นการที่นายตริน บุนนาค กรอกวันถึงกำหนดใช้เงินลงในตั๋วเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2501 ให้ใช้เงินในวันนั้น จึงเป็นไปตามที่จำเลยตกลงไว้กับนายตริน บุนนาค ซึ่งจำเลยไม่ยอมรับรู้ด้วยหาได้ไม่ และต้องถือว่าไม่เป็นความผิดหรือขัดต่อกฎหมายอย่างไร จะว่าเป็นการกระทำเพื่อขยายอายุความดังข้อต่อสู้ของจำเลยก็ไม่ใช่ เพราะตราบใดที่ตั๋วสัญญาใช้เงินยังไม่ถึงกำหนดเวลาใช้เงิน โดยต้องเป็นไปตามกำหนดเวลาในใบประทวนสินค้าดังวินิจฉัยมาข้างต้นแล้ว อายุความฟ้องร้องตามตั๋วสัญญาใช้เงินก็ยังไม่เริ่มขึ้น ย่อมจะมีการขยายอายุความไม่ได้ ต้องถือว่าเป็นการลงกำหนดเวลาใช้เงินให้เป็นที่แน่นอนและชัดแจ้งตามที่ตกลงกันไว้เท่านั้น โจทก์นำคดีมาฟ้องหลังจากวันที่ 12 กันยายน 2501 ซึ่งเป็นวันถึงกำหนดใช้เงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินเพียง 10 เดือนเศษ คดีของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ

ศาลฎีกาได้วินิจฉัยถึงข้อต่อสู้ของจำเลยในข้ออื่น ๆ ว่าฟังไม่ขึ้นทุกข้อและพิพากษากลับ ให้จำเลยชำระเงินตามฟ้อง

Share