คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5748/2559

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้และตั้งผู้ทำแผน เจ้าหนี้ในมูลหนี้ที่เกิดขึ้นก่อนศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 90/27 วรรคหนึ่ง จะได้รับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ก็แต่โดยยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนดเวลา 1 เดือน นับแต่วันโฆษณาคำสั่งตั้งผู้ทำแผนตามมาตรา 90/26 วรรคหนึ่ง และการที่เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้นั้นจะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขกำหนดเวลาตามที่กำหนดไว้ในแผนฟื้นฟูกิจการ คือ เจ้าหนี้จะได้รับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการเป็นจำนวนเท่าใดจะต้องนำหนี้ดังกล่าวมาปรับกับแผนฟื้นฟูกิจการก่อน เจ้าหนี้ไม่อาจที่จะได้รับชำระหนี้โดยวิธีอื่นนอกจากตามจำนวนและเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในแผนฟื้นฟูกิจการ เจ้าหนี้จึงไม่มีสิทธิได้รับชำระหนี้จากลูกหนี้หรือผู้ทำแผนซึ่งได้นำเงินมาชำระหนี้หรือนำเงินมาวางไว้ที่สำนักงานวางทรัพย์แต่อย่างใด และการที่ลูกหนี้นำเงินไปชำระหนี้ภายหลังศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการแล้ว หรือผู้ทำแผนนำเงินไปวางเพื่อชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ที่สำนักงานวางทรัพย์อันมิใช่วิธีที่กฎหมายกำหนดเพื่อชำระหนี้ซึ่งมูลแห่งหนี้ได้เกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ จึงเป็นการกระทำที่ไม่อาจกระทำได้เพราะขัดต่อ พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 90/12 (9) ย่อมตกเป็นโมฆะตามมาตรา 90/12 วรรคท้าย หนี้จึงยังไม่ระงับ เจ้าหนี้จึงมีสิทธิยื่นคำขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการได้ เมื่อกฎหมายล้มละลายในส่วนของการฟื้นฟูกิจการกำหนดวิธีการในการขอรับชำระหนี้ในมูลหนี้ที่อาจขอรับชำระหนี้ได้ไว้โดยชัดแจ้งแล้ว ลูกหนี้หรือผู้ทำแผนจะดำเนินการชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ในมูลหนี้ดังกล่าวโดยอ้างว่าเป็นการค้าตามปกตินั้นหาได้ไม่ เจ้าหนี้จึงมีสิทธิได้รับชำระหนี้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2551 และมีคำสั่งตั้งบริษัทพี แพลนเนอร์ จำกัด เป็นผู้ทำแผนเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2552 ต่อมาศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผน โดยมีผู้ทำแผนเป็นผู้บริหารแผน
เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในมูลหนี้ค่าสินค้าเป็นเงิน 18,938,094.33 บาท เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ให้บรรดาเจ้าหนี้ ลูกหนี้ และผู้ทำแผนตรวจคำขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 90/29 แล้ว ผู้ทำแผนโต้แย้งว่าคำขอรับชำระหนี้ไม่ถูกต้องและไม่สุจริต เนื่องจากลูกหนี้ได้ชำระหนี้เสร็จสิ้นแล้ว และแอฟวะนิว เอเชีย สเปเชี่ยล ซิตุเอชั่นส์ ฟันด์ ทู แอลพี เจ้าหนี้รายที่ 6 แอฟวะนิว เอเชีย สเปเชี่ยล ซิตุเอชั่นส์ ฟันด์ ทรี แอลพี เจ้าหนี้รายที่ 7 แอฟวะนิวเอเชีย อินเตอร์ เนชั่นแนล ลิมิเต็ด เจ้าหนี้รายที่ 8 ธนาคารออมสิน เจ้าหนี้รายที่ 14 เคลียร์วอเตอร์ แคปปิตอล พาร์ทเนอร์ส ฟันด์ III แอลพี เจ้าหนี้รายที่ 15 เครดิตอินดัสเตรียล เอคอมเมอร์เชียล สาขาสิงคโปร์ เจ้าหนี้รายที่ 16 ไดเวอร์ซิไฟด์ เอเชียนสตราทีจีส์ ฟันด์ เจ้าหนี้รายที่ 17 พีเอ็มเอ เครดิต ออฟเพอทูนิที ฟันด์ เจ้าหนี้รายที่ 18 กองทุนรวมไทยดีเวลลอปเมนท์ เจ้าหนี้รายที่ 19 บริษัทแบงค์ ออฟ อเมริกา ซิเคียวริตี้ส์จำกัด เจ้าหนี้รายที่ 20 ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) เจ้าหนี้รายที่ 23 โกลด์แมน เซคส์ (เอเชีย) ไฟแนนซ์ เจ้าหนี้รายที่ 27 ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เจ้าหนี้รายที่ 28 บริษัทเงินทุนกรุงเทพธนาทร จำกัด (มหาชน) เจ้าหนี้รายที่ 31 ธนาคารสินเอเชีย จำกัด (มหาชน) เจ้าหนี้รายที่ 35 ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย จำกัด (มหาชน) เจ้าหนี้รายที่ 41 เครดิตสวิตอินเตอร์เนชั่นแนล เจ้าหนี้รายที่ 44 ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เจ้าหนี้รายที่ 46 โต้แย้งว่า ลูกหนี้ชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ครบถ้วนแล้ว และเจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้โดยไม่สุจริตทำให้เจ้าหนี้อื่นต้องเสียหาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้วเห็นว่า การที่ลูกหนี้ชำระหนี้ค่าสินค้าให้แก่เจ้าหนี้ภายหลังศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการนั้นเป็นการดำเนินการค้าตามปกติ ลูกหนี้สามารถดำเนินการได้โดยชอบตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 90/12 (9) มูลหนี้ค่าสินค้าจึงระงับสิ้นไปด้วยการชำระหนี้ เจ้าหนี้และลูกหนี้จึงไม่ได้มีหนี้ต่อกัน จึงมีคำสั่งให้ยกคำขอรับชำระหนี้
เจ้าหนี้ยื่นคำร้องขอให้มีคำสั่งกลับคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ค่าดอกเบี้ยดังกล่าว
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง
ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ยกคำร้องของเจ้าหนี้ ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
เจ้าหนี้อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 90/70 วรรคสองเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2559
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า ลูกหนี้เป็นหนี้เจ้าหนี้ในมูลหนี้ค่าสินค้าซึ่งเกิดก่อนศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการเป็นเงิน 18,938,094.33 บาท วันที่ 7 พฤศิจกายน 2551 ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ หลังจากนั้นลูกหนี้นำเงินจำนวน 18,169,966.44 บาท ไปชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาลล้มละลายกลาง วันที่ 1 มิถุนายน 2552 เจ้าหนี้นำเงินดังกล่าวคืนให้แก่ลูกหนี้ ลูกหนี้ได้รับเงินดังกล่าวไว้แล้ว ต่อมาผู้ทำแผนนำเงินจำนวน 18,169,966.44 บาท ไปวางไว้ที่สำนักงานวางทรัพย์กลาง และเจ้าหนี้ได้รับเงินดังกล่าวแล้ว
กรณีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของเจ้าหนี้ประการเดียวว่า เจ้าหนี้มีสิทธิขอรับชำระหนี้ในมูลหนี้ค่าดอกเบี้ย 768,178.92 บาท หรือไม่ เห็นว่า เมื่อศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้และตั้งผู้ทำแผน เจ้าหนี้ในมูลหนี้ที่เกิดขึ้นก่อนศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 90/27 วรรคหนึ่ง จะได้รับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ก็แต่โดยยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนดเวลา 1 เดือน นับแต่วันโฆษณาคำสั่งตั้งผู้ทำแผนตามมาตรา 90/26 วรรคหนึ่ง และการที่เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้นั้นจะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขกำหนดเวลาตามที่กำหนดไว้ในแผนฟื้นฟูกิจการ กล่าวคือเจ้าหนี้จะได้รับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการเป็นจำนวนเท่าใดจะต้องนำหนี้ดังกล่าวมาปรับกับแผนฟื้นฟูกิจการก่อน เจ้าหนี้ไม่อาจที่จะได้รับชำระหนี้โดยวิธีอื่นนอกจากตามจำนวนและเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในแผนฟื้นฟูกิจการ เจ้าหนี้จึงไม่มีสิทธิได้รับชำระหนี้จากลูกหนี้หรือผู้ทำแผนซึ่งได้นำเงินมาชำระหนี้หรือนำเงินมาวางไว้ที่สำนักงานวางทรัพย์แต่อย่างใด และการที่ลูกหนี้นำเงินไปชำระหนี้ภายหลังศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการแล้ว หรือผู้ทำแผนนำเงินไปวางเพื่อชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ที่สำนักงานวางทรัพย์อันมิใช่วิธีที่กฎหมายกำหนด เพื่อชำระหนี้ซึ่งมูลแห่งหนี้ได้เกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการจึงเป็นการกระทำที่ไม่อาจกระทำได้เพราะขัดต่อพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 90/12 (9) ย่อมตกเป็นโมฆะตามมาตรา 90/12 วรรคท้าย หนี้จึงยังไม่ระงับ เจ้าหนี้จึงมีสิทธิยื่นคำขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการได้ เมื่อกฎหมายล้มละลายในส่วนของการฟื้นฟูกิจการกำหนดวิธีการในการขอรับชำระหนี้ในมูลหนี้ที่อาจขอรับชำระหนี้ได้ไว้โดยชัดแจ้งแล้ว ลูกหนี้หรือผู้ทำแผนจะดำเนินการชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ในมูลหนี้ดังกล่าวโดยอ้างว่าเป็นการค้าตามปกตินั้นหาได้ไม่ เจ้าหนี้จึงมีสิทธิได้รับชำระหนี้ในต้นเงินและดอกเบี้ยจำนวน 8,938,094.33 บาท แต่เมื่อคดีนี้ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกคำร้องของเจ้าหนี้ และเจ้าหนี้อุทธรณ์ขอให้ศาลฎีกามีคำสั่งให้เจ้าหนี้มีสิทธิได้รับชำระหนี้เฉพาะดอกเบี้ยจำนวน 68,178.92 บาท ศาลฎีกาจึงพิจารณาให้ได้เฉพาะดอกเบี้ยเท่าที่เจ้าหนี้อุทธรณ์ขอมา
พิพากษากลับ อนุญาตให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ในมูลหนี้ค่าดอกเบี้ยเป็นเงิน 768,178.92 บาท ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ

Share