คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5737/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กำหนดเวลาขอผัดฟ้องผู้ต้องหาต่อศาล ต้องเริ่มนับทันทีตั้งแต่วันแรกที่ร้องขอผัดฟ้องจะเริ่มนับในวันรุ่งขึ้นจากที่ร้องขอผัดฟ้องต่อศาลหาได้ไม่ มิฉะนั้นอาจมีกรณีที่เวลาของกำหนดระยะเวลาผัดฟ้องกับเวลาที่ครบกำหนดเจ็ดสิบสองชั่วโมงนับแต่ที่จับผู้ต้องหาได้ อาจไม่ต่อเนื่องกันเกิดขึ้นได้ เมื่อเวลาที่ครบกำหนดเจ็ดสิบสองชั่วโมงนับแต่ที่จับผู้ต้องหาได้คือเวลา 16.30 นาฬิกา ของวันที่ 13 ตุลาคม2529 พนักงานสอบสวนขอผัดฟ้องต่อศาลครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2529 และมีการขอผัดฟ้องรวม5 ครั้ง ครั้งละ 6 วัน ดังนี้วันที่โจทก์อาจฟ้องคดีได้โดยไม่ต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการเป็นวันสุดท้ายจึงตรงกับวันที่ 11 พฤศจิกายน 2529 โจทก์ฟ้องคดีวันที่ 12 พฤศจิกายน 2529 โดยมิได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการจึงไม่ชอบ แม้ศาลจะอนุญาตให้ผัดฟ้องมาโดยมีการนับกำหนดเวลาผิดพลาด โจทก์ก็ไม่มีสิทธิจะฟ้องคดีโดยฝ่าฝืนกฎหมาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยแจ้งข้อความอันเป็นเท็จด้วยการใส่ความหมิ่นประมาท ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๗, ๓๒๖, ๓๒๘, ๙๐ คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ ๔๑ ลงวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๑๙ ข้อ ๗, ๘
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างการพิจารณา นายสุระ สวัสดิ์พาณิชย์ และนายสุรชัย สะมาลีย์ ผู้เสียหายทั้งสองยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๓๗, ๓๒๖ คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ ๔๑ ลงวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๑๙ข้อ ๗, ๘ เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตามมาตรา ๓๒๖ ซึ่งเป็นบทหนักปรับ ๒,๐๐๐ บาท ข้อหาอื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะฟ้องคดีพ้นกำหนดผัดฟ้องโดยไม่ได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการ ตามพระราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด พ.ศ.๒๕๒๐ และพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงพ.ศ.๒๔๙๙ มาตรา ๗, ๙ พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาในชั้นฎีกาว่า โจทก์ฟ้องคดีนี้ได้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการได้หรือไม่ ข้อเท็จจริงได้ความว่าเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้เมื่อวันที่ ๑๐ตุลาคม ๒๕๒๙ เวลา ๑๖.๓๐ นาฬิกา พนักงานสอบสวนนำตัวจำเลยมาขอผัดฟ้องต่อศาลชั้นต้นครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑๓ เดือนเดียวกันนั้นมีกำหนด ๖ วัน จากนั้นได้มีการขอผัดฟ้องเป็นลำดับมาอีก ๔ ครั้ง คือนับแต่วันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๒๙ ถึงวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๒๙ วันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๒๙ ถึงวันที่ ๓๑ ตุลาคม๒๕๒๙ วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๒๙ ถึงวันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๒๙ และครั้งสุดท้ายศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ผัดฟ้องได้มีกำหนด ๖ วัน นับแต่วันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๒๙ โจทก์นำตัวจำเลยมาฟ้องเมื่อวันที่ ๑๒พฤศจิกายน ๒๕๒๙ ซึ่งเป็นวันครบกำหนดขอผัดฟ้องตามที่ได้รับอนุญาตจากศาล โดยไม่ได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการ โจทก์ฎีกาว่า คดีนี้มีการขอผัดฟ้องครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๒๙ กำหนดเวลาขอผัดฟ้องจึงเริ่มนับตั้งแต่วันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๒๙ เป็นต้นไป วันที่โจทก์นำคดีมาฟ้องก็อยู่ในกำหนดเวลาที่ขอผัดฟ้องไว้และศาลอนุญาตแล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องได้โดยไม่ต้องขออนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า กำหนดเวลาขอผัดฟ้องในกรณีที่เกิดความจำเป็นไม่สามารถฟ้องผู้ต้องหาต่อศาลได้ทันภายในกำหนดเวลาเจ็ดสิบสองชั่วโมงนับแต่เวลาที่จับผู้ต้องหาได้ ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.๒๔๙๙ มาตรา ๗ วรรคสอง นั้น ต้องเริ่มนับทันทีตั้งแต่วันแรกที่ร้องขอผัดฟ้องต่อศาล จะเริ่มนับในวันรุ่งขึ้นจากที่ร้องขอผัดฟ้องต่อศาลหาได้ไม่ มิฉะนั้นอาจมีกรณีที่เวลาของกำหนดระยะเวลาผัดฟ้องกับเวลาที่ครบกำหนดเจ็ดสิบสองชั่วโมงนับแต่ที่จับผู้ต้องหาได้ อาจไม่ต่อเนื่องกันเกิดขึ้นได้ เช่นคดีนี้ซึ่งเวลาที่ครบกำหนดเจ็ดสิบสองชั่วโมงนับแต่จับผู้ต้องหาได้คือเวลา๑๖.๓๐ นาฬิกา ของวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๒๙ แต่วันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๒๙ นั้นเริ่มแต่เมื่อล่วงพ้นเวลา๒๔ นาฬิกา ของวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๒๙ ไปแล้วเป็นต้น เช่นนี้กำหนดระยะเวลาขอผัดฟ้องจึงต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๒๙ จะเริ่มนับในวันรุ่งขึ้นคือวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๒๙ ดังที่โจทก์ฎีกาหาได้ไม่ เมื่อกำหนดระยะเวลาขอผัดฟ้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๒๙ มีการขอผัดฟ้องรวม ๕ ครั้ง ครั้งละ ๖ วัน การผัดฟ้องครั้งแรกครบกำหนดวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๒๙ ครั้งที่ ๒นับแต่วันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๒๙ ถึงวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๒๙ ครั้งที่ ๓ นับแต่วันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๒๙ถึงวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๒๙ ครั้งที่ ๔ นับแต่วันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๒๙ ถึงวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๒๙ครั้งสุดท้ายนับแต่วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๒๙ ถึงวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๒๙ ดังนี้วันที่โจทก์อาจฟ้องคดีนี้ได้โดยไม่ต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการเป็นวันสุดท้ายจึงตรงกับวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน๒๕๒๙ โจทก์ฟ้องคดีวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๒๙ โดยมิได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการ จึงไม่ชอบแม้ศาลจะอนุญาตให้ผัดฟ้องมาโดยมีการนับกำหนดระยะเวลาผิดพลาด โจทก์ก็ไม่มีสิทธิจะฟ้องคดีได้โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share