คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5497/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ทั้งสามฟ้อง ขอให้พิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ทั้งสามและเพิกถอนคำคัดค้านของจำเลยทั้งสอง จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้ว่า ที่พิพาทเป็นที่ดินหวงห้ามอยู่ในความดูแลของจำเลยขอให้ยกฟ้อง จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ เมื่อทุนทรัพย์ที่พิพาทของโจทก์แต่ละคนไม่เกินห้าหมื่นบาท จึงต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 วรรคหนึ่งโจทก์ทั้งสามอุทธรณ์ว่าที่พิพาทเป็นที่ดินที่โจทก์ทั้งสามได้รับจัดสรรจากทางราชการซึ่งเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์ภาค 2 รับวินิจฉัยให้ก็เป็นการไม่ชอบ ถือว่าข้อเท็จจริงยุติไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นแล้วจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม มาตรา 249 วรรคแรก

ย่อยาว

คดีทั้งสามสำนวนนี้ศาลชั้นต้นสั่งให้รวมพิจารณาและพิพากษาเข้าด้วยกันโดยเรียกนายผล เตี้ยมชุมพล ว่าโจทก์ที่ 1นางสงวน หอมกลิ่นเนียม ว่าโจทก์ที่ 2 นายชู นาคปน ว่าโจทก์ที่ 3
โจทก์ทั้งสามสำนวนฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ทั้งสาม จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 คัดค้านการรังวัดออกโฉนดของโจทก์ทั้งสาม ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินเป็นของโจทก์ทั้งสามและเพิกถอนคำคัดค้านของจำเลยทั้งสอง
จำเลยทั้งสองให้การทำนองเดียวกันว่า ที่ดินพิพาทอยู่ในความดูแลของจำเลยที่ 1 จำเลยทั้งสองปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบแบบแผนโดยถูกต้อง ไม่เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้องโจทก์ทั้งสามสำนวน
โจทก์ทั้งสามสำนวน และจำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 2 โจทก์ที่ 3 ถึงแก่กรรมนายบุญมา นาคปน ทายาทของโจทก์ที่ 3 ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทน จำเลยทั้งสองยื่นคำคัดค้าน
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 มีคำสั่งว่า คดีนี้ไม่ใช่คดีที่นายบุญมาผู้ร้องซึ่งเป็นทายาทของโจทก์ที่ 3 จะขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ที่ 3 ผู้มรณะได้ ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับ และวินิจฉัยว่า คดีที่โจทก์ที่ 3 ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ที่ 3 ห้ามจำเลยทั้งสองเข้าเกี่ยวข้องนั้น ไม่เป็นคดีที่จะขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่ผู้มรณะได้ เพราะเป็นที่ดินที่โจทก์ที่ 3 ได้รับการจัดสรรจากนิคมสหกรณ์สวรรคโลกให้เข้าครอบครองทำประโยชน์ตามพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ. 2511แต่ยังไม่ได้รับโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ตามประมวลกฎหมายที่ดินอันเป็นการได้รับอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในที่ดินที่รัฐจัดให้ซึ่งเป็นการเฉพาะตัวของโจทก์ที่ 3 เมื่อโจทก์ที่ 3 ถึงแก่กรรมจึงให้จำหน่ายคดีเฉพาะโจทก์ที่ 3 ออกจากสารบบความและพิพากษายืนค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ทั้งสามและจำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว คดีนี้โจทก์ทั้งสามฟ้องโดยยกข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ทั้งสามโดยโจทก์ทั้งสามได้ครอบครองที่พิพาทโดยชอบ ขอให้พิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ทั้งสามและเพิกถอนคำคัดค้านของจำเลยทั้งสอง จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้ว่า ที่พิพาทเป็นที่ดินหวงห้ามอยู่ในความดูแลของจำเลย ขอให้ยกฟ้อง จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์เมื่อทุนทรัพย์ที่พิพาทของโจทก์แต่ละคนไม่เกินห้าหมื่นบาทจึงต้องห้ามมิให้โจทก์ทั้งสามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 วรรคหนึ่ง โจทก์ทั้งสามอุทธรณ์ว่าที่พิพาทเป็นที่ดินที่โจทก์ทั้งสามได้รับจัดสรรจากทางราชการ ซึ่งเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามบทกฎหมายดังกล่าวศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์ภาค 2 รับวินิจฉัยให้ก็เป็นการไม่ชอบ ถือว่าข้อเท็จจริงยุติไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นแล้ว จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 วรรคแรก ไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาข้ออื่นของโจทก์ทั้งสามและจำเลยทั้งสองเพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลงไป
พิพากษายกคำพิพากษาและคำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค 2 และฎีกาของคู่ความทุกฝ่าย คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาทั้งหมดให้คู่ความทุกฝ่ายค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share