คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 548/2529

แหล่งที่มา : ADMIN

ย่อสั้น

ในคดีอาญาที่โจทก์มีคำขอให้ริบของกลางเจ้าของทรัพย์สินของกลางมีสิทธิร้องขอคืนของกลางในระหว่างพิจารณาได้หากปรากฏว่าเจ้าของทรัพย์สินของกลางมิได้รู้เห็นเป็นใจในการที่จำเลยนำเอาทรัพย์ของกลางไปใช้ในการกระทำความผิดศาลไม่มีอำนาจสั่งริบของกลางนั้นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา33วรรคท้ายและต้องคืนแก่เจ้าของ.

ย่อยาว

คดี นี้ สืบเนื่อง มา จาก โจทก์ ฟ้อง ขอ ให้ ลงโทษ จำเลย และ ขอ ให้ริบ รถยนต์ บรรทุก ของกลาง ระหว่าง พิจารณา ผู้ร้อง ยื่น คำร้อง ว่าผู้ร้อง เป็น เจ้าของ รถยนต์ ของกลาง มิได้ รู้เห็น เป็นใจ ใน การกระทำ ผิด ของ จำเลย ขอ ให้ ศาล สั่ง คืน รถยนต์ ของกลาง แก่ ผู้ร้อง
โจทก์ คัดค้าน ว่า ผู้ร้อง มิใช่ ผู้ มี กรรมสิทธิ์ ที่ แท้จริง ในรถยนต์ ของกลาง และ ผู้ร้อง รู้เห็น เป็นใจ ใน การ กระทำ ผิด ของ จำเลย
ศาลชั้นต้น ไต่สวน แล้ว มี คำสั่ง ให้ ยก คำร้อง
ผู้ร้อง อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษา กลับ ให้ คืน รถยนต์ ของกลาง แก่ ผู้ร้อง
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกา ฟัง ข้อเท็จจริง และ วินิจฉัย ว่า ผู้ร้อง เป็น เจ้าของรถยนต์ ของกลาง ให้ นาง สมโภชน์ เช่าซื้อ ไป และ นาง สมโภชน์ ผิด สัญญาเช่าซื้อ ไม่ ชำระ ค่าเช่าซื้อ ตาม สัญญา สัญญา เช่าซื้อ เป็น อัน เลิกกัน ผู้ร้อง จึง ยัง เป็น เจ้าของ รถยนต์ ของกลาง อยู่ ไม่ ปรากฏ ว่าผู้ร้อง ได้ รู้เห็น เป็นใจ ใน การ ที่ จำเลย นำ เอา รถยนต์ ของกลางของ ผู้ร้อง ไป ใช้ ใน การ กระทำ ความผิด ซึ่ง ศาล จะ มี คำสั่ง ให้ ริบรถยนต์ ของกลาง ไม่ ได้ ดัง ที่ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 บัญญัติไว้ จึง ต้อง คืน รถยนต์ ของกลาง ให้ ผู้ร้อง
พิพากษา ยืน.

Share