แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนโฉนดที่ดินพิพาททั้ง4แปลงให้กลับไปใช้โฉนดที่ดินเดิมเลขที่3472แต่ระบุเนื้อที่เพียง17ไร่เศษมิใช่18ไร่เศษตามเนื้อที่ในโฉนดเดิมเนื่องจากที่ดินถูกการทางพิเศษแห่งประเทศไทยเวนคืนแล้วจำนวน2ไร่เศษทั้งตามคำขอท้ายฟ้องก็มิได้เรียกให้จำเลยใช้ค่าเสียหายหรือให้จำเลยนำเงินค่าเวนคืนที่ดินจำนวน22,837,000บาทมาส่งมอบแก่โจทก์แต่อย่างใดเช่นนี้การที่โจทก์ขอคุ้มครองชั่วคราวโดยขอให้จำเลยนำเงินค่าเวนคืนที่ดินจำนวนดังกล่าวไปฝากธนาคารแล้วนำสมุดเงินฝากมาวางศาลจึงเป็นการขอคุ้มครองประโยชน์เกินกว่าคำขอในคำฟ้องของโจทก์แม้ผลแห่งคดีในที่สุดโจทก์ชนะศาลก็จะพิพากษาเพิกถอนการได้มาซึ่งที่โฉนดของจำเลยตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์เท่านั้นไม่มีผลบังคับไปถึงเงินค่าเวนคืนจำนวนดังกล่าวซึ่งจำเลยได้รับไปจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทยตามที่โจทก์ร้องขอคุ้มครองได้กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา254(2)และมาตรา264ที่โจทก์จะขอคุ้มครองชั่วคราวดังกล่าวได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ทั้งหกฟ้องขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ 3472 (บางส่วน), 218086, 218087 และ 218088ตำบลบางกะปิ (ลาดพร้าวฝั่งเหนือ) อำเภอห้วยขวาง (บางกะปิ)กรุงเทพมหานคร และให้กลับสู่สภาพเดิมไปใช้โฉนดที่แท้จริงและถูกต้องคือ โฉนดเลขที่ 3472 ซึ่งมีโจทก์ทั้งหกเป็นเจ้าของจำเลยทั้งสี่ยื่นคำให้การสู้คดี ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นโจทก์ทั้งหกยื่นคำร้องว่า เดิมที่ดินโฉนดเลขที่ 3472 ฉบับที่ถูกต้องแท้จริงเป็นของโจทก์ทั้งหก มีเนื้อที่ 18 ไร่เศษ ต่อมาได้ถูกเวนคืนเป็นถนนสาธารณประโยชน์คงเหลือเนื้อที่ประมาณ 17 ไร่2 งาน 88 8 ตารางวา จำเลยทั้งสี่ใช้วิธีการฉ้อฉลได้ที่ดินมาเป็นของจำเลยทั้งสี่เป็นโฉนดเลขที่ 3472 (บางส่วน) 218086,218087 และ 218088 ในระหว่างนี้โจทก์ทั้งหกจึงขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอายัดที่ดินทั้ง 4 แปลงไว้ก่อน เพราะหากมีการโอน ขายยักย้าย หรือจำหน่ายที่ดินพิพาทเสียทั้งหมดหรือบางส่วน หรือยักย้ายไปเสียให้พ้นจากอำนาจศาลหรือพ้นจากการบังคับคดีของศาลแล้วย่อมจะเป็นการยากที่จะให้มีสภาพคงเดิมและย่อมเป็นการยากในการบังคับคดี นอกจากนี้ที่ดินโฉนดเลขที่ 3472 เนื้อที่ 17 ไร่2 งาน 88 เศษ 8 ส่วน 10 ตารางวา เป็นเงิน 22,837,000 บาทจำเลยที่ 1 ได้ไปยื่นคำขอรับเงินจำนวนดังกล่าวจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทยแล้ว หากให้จำเลยที่ 1 ครอบครองเงินที่ได้จากการเวนคืนที่ดินแล้ว ย่อมจะเป็นที่เสียหายและเสียประโยชน์เพราะจะมีแต่การใช้ให้สิ้นเปลืองไปเปล่า หรือยักย้าย หรือโอนไปยังผู้อื่น ย่อมจะไม่เป็นประโยชน์แก่เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่แท้จริงโจทก์ทั้งหกจึงขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอายัดที่ดินทั้ง 4 แปลงโดยมีหนังสือถึงเจ้าพนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร สาขาห้วยขวางห้ามจำหน่ายจ่ายโอนใด ๆ และขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยที่ 1นำเงินจำนวน 22,837,000 บาท ที่รับเป็นค่าเวนคืนที่ดินพิพาทจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ไปฝากธนาคารออมสิน สาขายุติธรรมแล้วนำสมุดเงินฝากมาเก็บรักษาไว้ที่ศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ยื่นคำคัดค้านว่า คำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาของโจทก์ทั้งหกไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ตั้งใจจะโอนขายหรือจำหน่ายที่ดินพิพาททั้งหมดหรือแต่บางส่วนหรือยักย้ายไปเสียให้พ้นจากอำนาจศาลหรือพ้นจากการบังคับคดีของศาลแต่อย่างใด การที่โจทก์ทั้งหกขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาโดยให้จำเลยที่ 1 นำเงินที่ได้รับเป็นค่าเวนคืนที่ดินจำนวน 22,837,000 บาท ไปฝากธนาคารออมสินสาขายุติธรรม เป็นการขอคุ้มครองประโยชน์นอกคำฟ้องของโจทก์ทั้งหกและมิใช่เป็นการกระทำที่ถูกฟ้องร้องหรือเพื่อบังคับคดีตามคำพิพากษาจึงไม่มีเหตุเพียงพอที่จะใช้วิธีคุ้มครองชั่วคราวแก่จำเลยที่ 1ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งยกคำร้อง
โจทก์ทั้งหกอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ทั้งหกฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสี่ตั้งใจจะโอน ขาย หรือจำหน่ายที่ดินพิพาทเสียทั้งหมดหรือบางส่วนหรือยักย้ายไปเสียให้พ้นจากอำนาจศาลเพื่อประวิงหรือขัดขวางแก่การบังคับตามคำบังคับซึ่งอาจจะออกบังคับเอาแก่จำเลยทั้งสี่หรือเพื่อจะฉ้อโกงโจทก์ทั้งหกแต่อย่างใด จึงยังไม่มีเหตุสมควรและมีเหตุเพียงพอที่จะมีคำสั่งอายัดที่ดินพิพาทตามที่โจทก์ทั้งหกร้องขอ ส่วนที่โจทก์ทั้งหกขอให้จำเลยที่ 1 นำเงินค่าเวนคืนที่ดินจำนวน 22,837,000 บาท ไปฝากธนาคารออมสิน สาขายุติธรรมแล้วนำสมุดเงินฝากมาไว้ที่ศาลชั้นต้นนั้น เห็นว่า คดีนี้โจทก์ทั้งหกฟ้องขอให้เพิกถอนโฉนดที่ดินพิพาททั้ง 4 แปลง ให้กลับไปใช้โฉนดที่ดินเดิมเลขที่ 3472 แต่ระบุเนื้อที่เพียง 17 ไร่เศษมิใช่ 18 ไร่เศษ ตามเนื้อที่ในโฉนดเดิมเนื่องจากที่ดินถูกการทางพิเศษแห่งประเทศไทยเวนคืนแล้ว จำนวน 2 ไร่เศษทั้งตามคำขอท้ายฟ้องก็มิได้เรียกให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าเสียหายหรือให้จำเลยที่ 1 นำเงินค่าเวนคืนที่ดินจำนวนดังกล่าวมาส่งมอบแก่โจทก์ทั้งหกแต่อย่างใด เช่นนี้ การที่โจทก์ทั้งหกขอคุ้มครองชั่วคราวโดยขอให้จำเลยที่ 1 นำเงินจำนวน 22,837,000 บาทไปฝากธนาคารแล้วนำสมุดเงินฝากมาวางศาล จึงเป็นการขอคุ้มครองประโยชน์เกินกว่าคำขอในคำฟ้องของโจทก์ทั้งหก แม้ผลแห่งคดีในที่สุดโจทก์ทั้งหกชนะศาลก็จะพิพากษาเพิกถอนการได้มาซึ่งที่ดินโฉนดเลขที่ 3472 (บางส่วน), 218086, 218087 และ 218088ตำบลบางกะปิ (ลาดพร้าวฝั่งเหนือ) อำเภอห้วยขวาง (บางกะปิ)กรุงเทพมหานคร ของจำเลยทั้งสี่ตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ทั้งหกเท่านั้น ไม่มีผลบังคับไปถึงเงินค่าเวนคืนจำนวน 22,837,000 บาทซึ่งจำเลยที่ 1 ได้รับไปจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทยตามที่โจทก์ทั้งหกร้องขอคุ้มครองได้ กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254(2) และมาตรา 264 ที่โจทก์ทั้งหกจะขอให้ศาลมีคำสั่งให้จำเลยที่ 1 นำเงินจำนวนดังกล่าวไปฝากธนาคารแล้วนำสมุดเงินฝากมาวางศาลได้
พิพากษายืน