คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5453/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าเสียหายในมูลละเมิดเป็นเงิน 18,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 31พฤษภาคม 2528 อันเป็นวันละเมิดจนกว่าจะชำระเสร็จ โจทก์ต้องเสียค่าขึ้นศาลในส่วนของค่าเสียหายที่ขอมาจำนวน 18,500 บาท และในส่วนของดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในค่าเสียหายดังกล่าวนับแต่วันที่ 31 พฤษภาคม 2528 ซึ่งเป็นวันกระทำละเมิดถึงวันที่30 พฤษภาคม 2529 ซึ่งเป็นวันฟ้องที่ขอมาเป็นทุนทรัพย์จำนวน1,387.50 บาท ต้องเสียค่าขึ้นศาลในศาลชั้นต้นสำหรับดอกเบี้ยดังกล่าวตามอัตราในตาราง 1(1)(ก) ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง คิดเป็นเงิน 35 บาท และไม่ต้องเสียค่าขึ้นศาลอนาคตในส่วนของคำขอที่ให้ชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จตามตาราง 1(4) อีกที่โจทก์เสียค่าขึ้นศาลอนาคตมา 100 บาท จึงเกินไป แต่ก็เท่ากับว่าโจทก์ได้เสียค่าขึ้นศาลสำหรับดอกเบี้ยจำนวน 35 บาท ครบถ้วนแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าเสียหายอันเกิดจากมูลละเมิดจำนวน 18,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 31 พฤษภาคม 2528 จนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 2 ให้การต่อสู้คดี ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 ทำละเมิดต่อโจทก์ในขณะเป็นลูกจ้างทำการในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 เป็นเหตุให้โจทก์เสียหายต้องเสียค่าซ่อมรถยนต์ของโจทก์เป็นเงิน 18,500 บาทจำเลยทั้งสองต้องร่วมกันรับผิดใช้ค่าเสียหายดังกล่าวให้แก่โจทก์สำหรับดอกเบี้ยที่โจทก์ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระนับแต่วันทำละเมิดถึงวันชำระเสร็จนั้น ปรากฏว่าโจทก์ไม่ได้คำนวณเป็นทุนทรัพย์และเสียค่าขึ้นศาลไว้นับแต่วันจำเลยที่ 1 ทำละเมิดถึงวันฟ้อง จึงไม่กำหนดดอกเบี้ยในระยะเวลาดังกล่าวให้ พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 18,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระแก่โจทก์ คำขอโจทก์นอกจากนี้ให้ยก
โจทก์และจำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอบังคับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าเสียหายในมูลละเมิดเป็นเงิน 18,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 31 พฤษภาคม2528 (วันละเมิด) จนกว่าจะชำระเสร็จ โจทก์เสียค่าขึ้นศาลในศาลชั้นต้นเฉพาะทุนทรัพย์จำนวน 18,500 บาท โดยมิได้คำนวณดอกเบี้ยถึงวันฟ้องเป็นทุนทรัพย์และเสียค่าขึ้นศาลมาด้วย แต่ได้เสียค่าขึ้นศาลอนาคตมาอีก 100 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน ค่าเสียหายให้โจทก์จำนวน 18,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า เมื่อโจทก์ชำระค่าขึ้นศาลขาดไปศาลชั้นต้นมีอำนาจสั่งให้โจทก์ชำระค่าขึ้นศาลที่ขาดเพิ่มเติมให้ถูกต้องครบถ้วนได้ และดอกเบี้ยในค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดต้องนับแต่วันละเมิด
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ดังกล่าวโจทก์ต้องเสียค่าขึ้นศาลในส่วนของค่าเสียหายที่ขอมาจำนวน 18,500 บาทและในส่วนของดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในค่าเสียหายดังกล่าวนับแต่วันที่ 31 พฤษภาคม 2528 ซึ่งเป็นวันกระทำละเมิดถึงวันที่30 พฤษภาคม 2529 ซึ่งเป็นวันฟ้องที่ขอมาเป็นทุนทรัพย์จำนวน1,387.50 บาท ต้องเสียค่าขึ้นศาลในศาลชั้นต้นสำหรับดอกเบี้ยดังกล่าวตามอัตราในตาราง 1(1)(ก) ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งคิดเป็นเงิน 35 บาท และไม่ต้องเสียค่าขึ้นศาลอนาคตในส่วนของคำขอที่ให้ชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จตามตาราง 1(4) อีก ที่โจทก์เสียค่าขึ้นศาลอนาคตมา 100 บาท จึงเกินไป แต่ก็เท่ากับว่าโจทก์ได้เสียค่าขึ้นศาลสำหรับดอกเบี้ยจำนวน 35 บาท ครบถ้วนแล้ว ที่ศาลล่างทั้งสองไม่พิพากษาให้ดอกเบี้ยแก่โจทก์ นับแต่วันที่ 31 พฤษภาคม 2528 จึงไม่ชอบอย่างไรก็ตามศาลฎีกาเห็นควรวินิจฉัยคดีไปโดยไม่ย้อนสำนวนเห็นว่า เมื่อคดีฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 ทำละเมิดต่อโจทก์เมื่อวันที่31 พฤษภาคม 2528 ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายเป็นเงิน 18,500 บาทซึ่งจำเลยที่ 2 ต้องรับผิดร่วมด้วย ถือได้ว่าจำเลยทั้งสองผิดนัดมาตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม 2528 ซึ่งเป็นวันละเมิด ต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยในค่าเสียหายดังกล่าวตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 18,500 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันที่ 31 พฤษภาคม 2528 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่โจทก์คืนค่าขึ้นศาลในศาลชั้นต้นจำนวน 65 บาท ที่เกินมาให้แก่โจทก์นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share