คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5448/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทั้งสามร่วมกันกระทำความผิดฐานใช้อาวุธปืนนอกจากที่กำหนดในกฎกระทรวงในการกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นหรือปล้นทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 หรือมาตรา 340เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 78 วรรคสามและความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นเพื่อความสะดวกในการกระทำความผิดอย่างอื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 ประกอบมาตรา 80 กับความผิดฐานปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธปืนติดตัวและใช้ยานพาหนะตามมาตรา 340 วรรคสอง,340 ตรี เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษฐานใช้อาวุธปืนนอกจากที่กำหนดในกฎกระทรวงตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯมาตรา 78 วรรคสาม ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษแต่เพียงบทเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานใช้อาวุธปืนนอกจากที่กำหนดในกฎกระทรวงในการกระทำความผิดกระทงหนึ่ง ฐานพยายามฆ่าผู้อื่นเพื่อความสะดวกในการกระทำความผิดอย่างอื่น กับความผิดฐานปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธปืนและใช้ยานพาหนะเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานพยายามฆ่าซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดอีกสถานหนึ่งต่างหากจากที่ลงโทษในความผิดฐานใช้อาวุธปืนนอกจากที่กำหนดในกฎกระทรวงในการกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นหรือปล้นทรัพย์ และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจึงเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขให้ถูกต้อง แม้จำเลยที่ 1 ผู้เดียวจะฎีกาศาลฎีกาเห็นสมควรพิพากษาให้มีผลไปถึงจำเลยที่ 2 และที่ไม่ได้ฎีกาด้วยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 225 ประกอบมาตรา 213

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 289, 340, 340 ตรี, 80, 83, 91 พระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 55, 72, 72 ทวิ, 78 ริบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลาง และให้จำเลยทั้งสามคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืน เป็นเงิน 91,650 บาท แก่นายพรชัย วรรณรังษี ผู้เสียหาย
จำเลยที่ 1 และที่ 3 ให้การปฏิเสธ
จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพข้อหาปล้นทรัพย์ ส่วนข้อหาอื่นให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(6) และ (7), 340 วรรคสอง, 340 ตรี ประกอบมาตรา 52(1), 80, 83 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 55, 72 วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง, 78 วรรคสาม เรียงกระทงลงโทษฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกคนละ 6 ปี กระทงหนึ่งฐานใช้อาวุธปืนนอกจากที่กำหนดในกฎกระทรวงในการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 จำคุกตลอดชีวิต กระทงหนึ่งฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะ จำคุกคนละ 3 ปี กระทงหนึ่ง ฐานพยายามฆ่าผู้อื่นเพื่อความสะดวกในการกระทำความผิดอย่างอื่นกับฐานปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธปืนติดตัวและใช้ยานพาหนะ เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานพยายามฆ่าผู้อื่นซึ่งเป็นกฎหมายหลายบทที่มีโทษหนักที่สุก จำคุกตลอดชีวิต อีกกระทงหนึ่ง ลดโทษให้คนละหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53คงจำคุกจำเลยทั้งสามกระทงแรกคนละ 4 ปี กระทงที่สองคนละ 33 ปี4 เดือน กระทงที่สามคนละ 2 ปี กระทงที่สีคนละ 33 ปี 4 เดือนแต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงความผิดแล้วคงให้จำคุกจำเลยทั้งสามคนละ 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(3) ริบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลาง ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืน 91,650 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่12 ตุลาคม 2534 เวลาประมาณ 3.30 นาฬิกา จำเลยที่ 2 และที่ 3ในคดีนี้ได้ร่วมกันกับพวกอีก 3 คน ใช้อาวุธปืนและรถยนต์กระบะเป็นยานพาหนะทำการปล้นทรัพย์ผู้โดยสารรถยนต์โดยสารปรับอากาศ(รถทัวร์) ที่ถนนสายเอเซีย ระหว่างหลักกิโลเมตรที่ 179-180บ้านคลองสวน หมู่ที่ 9 ตำบลคลองฉนวน อำเภอเวียงสระจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยได้ทรัพย์สินของผู้เสียหายซึ่งโดยสารมากับรถยนต์โดยสารคันดังกล่าวซึ่งมีนายพรชัย วรรณรังษีนายไพโรจน์ ศิวะกุลกำธร นายทินกร ทองโปร่ง เป็นต้น และใช้อาวุธปืนยิงนายโพธิ์ ปานสง่า พนักงานขับรถยนต์โดยสารคันดังกล่าวได้รับบาดเจ็บ คดีสำหรับจำเลยที่ 2 และที่ 3 ถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่พิพากษาลงโทษจำเลยที่ 2 และที่ 3 ฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตฐานใช้อาวุธปืนสำหรับใช้เฉพาะในการสงครามในการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 ฐานพาอาวุธติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะฐานพยายามฆ่าผู้อื่นเพื่อความสะดวกในการกระทำความผิดอื่นและฐานปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธปืนติดตัวและใช้ยานพาหนะ สำหรับจำเลยที่ 1 นั้น เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยที่ 1 พร้อมกับจำเลยที่ 2 เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2534
ปัญหาว่า จำเลยที่ 1 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 และที่ 3 กับพวกกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ คดีรับฟังได้ตามที่โจทก์นำสืบโดยแจ้งชัดว่า จำเลยที่ 1 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 และที่ 3กระทำผิดตามฟ้อง พยานหลักฐานที่จำเลยที่ 1 นำสืบและอ้างในฎีกาไม่มีน้ำหนักรับฟังหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ได้
อนึ่ง ความผิดฐานใช้อาวุธปืนนอกจากที่กำหนดในกฎกระทรวงในการกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นหรือปล้นทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 หรือมาตรา 340 เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯมาตรา 78 วรรคสาม และความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นเพื่อความสะดวกในการกระทำความผิดอย่างอื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289ประกอบมาตรา 80 กับความผิดฐานปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธปืนติดตัวและใช้ยานพาหนะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสอง, 340 ตรีเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษฐานใช้อาวุธปืนนอกจากที่กำหนดในกฎกระทรวงตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯมาตรา 78 วรรคสาม ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษแต่เพียงบทเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานใช้อาวุธปืนนอกจากที่กำหนดในกฎกระทรวงในการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 จำคุก33 ปี 4 เดือน กระทงหนึ่ง ฐานพยายามฆ่าผู้อื่นเพื่อความสะดวกในการกระทำความผิดอย่างอื่นกับความผิดฐานปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธปืนและใช้ยานพาหนะเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานพยายามฆ่า ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดอีกสถานหนึ่ง จำคุก 33 ปี 4 เดือน ต่างหากจากที่ลงโทษในความผิดฐานใช้อาวุธปืนนอกจากที่กำหนดในกฎกระทรวงในการกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นหรือปล้นทรัพย์ และศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืนนั้นไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขให้ถูกต้อง แม้จำเลยที่ 1 จะฎีกา ศาลฎีกาเห็นสมควรพิพากษาให้มีผลไปถึงจำเลยที่ 2 และที่ 3 ที่ไม่ได้ฎีกาด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 225 ประกอบมาตรา 213
พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดฐานใช้อาวุธปืนนอกจากที่กำหนดในกฎกระทรวงในการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288หรือมาตรา 340 เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯมาตรา 78 วรรคสาม และความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นเพื่อความสะดวกในการกระทำความผิดอย่างอื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289ประกอบมาตรา 80 กับความผิดฐานปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธปืนติดตัวและใช้ยานพาหนะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสองและ 340 ตรี ทั้งสามฐานเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานใช้อาวุธปืน นอกจากที่กำหนดในกฎกระทรวงตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 78 วรรคสามซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90จำคุกจำเลยทั้งสามคนละตลอดชีวิตชั้นสอบสวนจำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพฐานปล้นทรัพย์และชั้นพิจารณาจำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพฐานปล้นทรัพย์เมื่อหลังจากสืบพยานโจทก์ใกล้เสร็จเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้คนละหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 จำคุกจำเลยทั้งสามคนละ 33 ปี 4 เดือนเมื่อรวมกับโทษที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาลงโทษฐานมีอาวุธปืนตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 72 วรรคหนึ่ง จำคุกคนละ 6 ปีและฐานพาอาวุธปืนตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 72 ทวิ วรรคสองจำคุกคนละ 3 ปี แล้ว คงจำคุกจำเลยทั้งสามคนละ 42 ปี 4 เดือนริบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลาง ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนจำนวน 91,650 บาท แก่ผู้เสียหาย

Share