คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 539/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แผนที่พิพาทในคดีนี้. ศาลชั้นต้นสั่งให้เจ้าพนักงานทำขึ้นเพื่อประกอบการชี้สองสถาน. หาใช่สั่งให้ทำเพราะคู่ความท้ากันขอให้ทำ. และขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดคดีตามรูปแผนที่ให้เป็นไปตามคำท้าของคู่ความ.ไม่. นอกจากนี้เมื่อเจ้าพนักงานได้ทำแผนที่มาแล้ว. แม้คู่ความจะรับรองว่าแผนที่ถูกต้องก็ตาม. แต่ก็ปรากฏว่าคู่ความยังมีข้อโต้เถียงกันเกี่ยวกับเส้นเขตในแผนที่พิพาทอยู่.โดยโจทก์ว่าเส้นเขตคือเส้นสีแดง. จำเลยว่าเส้นเขตคือเส้นสีดำตามที่จำเลยนำรังวัดและปักหลักไม้ไว้.คำรับรองของคู่ความว่าแผนที่ถูกต้องดังกล่าวจึงรับฟังได้เพียงว่าแผนที่ถูกต้องตามรูปที่ดินและเส้นเขตที่พิพาทที่โจทก์จำเลยนำชี้เท่านั้น. ส่วนเส้นเขตที่พิพาทที่โจทก์จำเลยนำชี้จะถูกต้องตรงตามความเป็นจริงของฝ่ายใดยังไม่เป็นที่ยุติ.ศาลจะรับฟังว่าที่พิพาทอยู่ในเขตโฉนดของโจทก์. และตัดสินชี้ขาดคดีไปว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์โดยทันทียังไม่ได้. จำเป็นที่ศาลจะต้องฟังพยานหลักฐานอื่นต่อไปให้สิ้นกระแสความเสียก่อน. จึงจะวินิจฉัยได้ว่าที่พิพาทเป็นของฝ่ายใด.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้อง จำเลยให้การว่า ไม่ได้ชี้รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ คู่ความต่างรับรองว่าแผนที่ที่เจ้าพนักงานทำขึ้นถูกต้อง แต่มีข้อโต้เถียงกันเกี่ยวกับเส้นเขตในแผนที่พิพาท โดยโจทก์แถลงว่าเส้นสีแดง จำเลยว่าเส้นเขตคือเส้นสีดำตามที่จำเลยนำรังวัด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยาน แล้วพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ฯลฯ จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยาน แล้วพิพากษาใหม่ โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า แผนที่พิพาทในคดีนี้เป็นแผนที่ที่ศาลชั้นต้นสั่งให้เจ้าพนักงานทำขึ้นเพื่อประกอบการชี้สองสถาน หาใช่สั่งให้ทำเพราะคู่ความท้ากันขอให้ทำ และขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดคดีตามรูปแผนที่ให้เป็นไปตามคำท้าของคู่ความไม่ นอกจากนี้เมื่อเจ้าพนักงานได้ทำแผนที่มาแล้ว แม้คู่ความจะรับรองว่าแผนที่ถูกต้องก็ตาม แต่ก็ปรากฏว่าคู่ความยังมีข้อโต้เถียงกันเกี่ยวกับเส้นเขตในแผนที่พิพาทอยู่ โดยโจทก์ว่าเส้นเขตคือเส้นสีแดง จำเลยว่าเส้นเขตคือเส้นสีดำตามที่จำเลยนำรังวัดและปักหลักไม้ไว้ คำรับรองของคู่ความว่าแผนที่ถูกต้องดังกล่าว จึงรับฟังได้เพียงว่าแผนที่ถูกต้องตามรูปที่ดินและเส้นเขตที่พิพาทที่โจทก์จำเลยนำชี้เท่านั้น ส่วนเส้นเขตที่พิพาทที่โจทก์จำเลยนำชี้จะถูกต้องตรงตามความเป็นจริงของฝ่ายใดยังไม่เป็นที่ยุติ ศาลจะรับฟังว่าที่พิพาทอยู่ในเขตโฉนดของโจทก์และตัดสินชี้ขาดคดีไปว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์โดยทันทียังไม่ได้จำเป็นที่ศาลจะต้องฟังพยานหลักฐานอื่นต่อไปให้สิ้นกระแสความเสียก่อนจึงจะวินิจฉัยได้ว่าที่พิพาทเป็นของฝ่ายใด การที่ศาลชั้นต้นด่วนวินิจฉัยชี้ขาดคดีโดยอาศัยหลักฐานเพียงที่ปรากฏในแผนที่พิพาทอย่างเดียวว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หาชอบไม่ พิพากษายืน.

Share