คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 536/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า ผ.เจ้ามรดกได้ทำพินัยกรรมตั้งโจทก์เป็นผู้จัดการมรดก โจทก์กำลังจัดการมรดกอยู่ เมื่อ ผ.ยังมีชีวิตอยู่นั้นจำเลยได้ฉ้อฉล ผ. ให้ ผ.ยกที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้จำเลย ขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมยกให้นั้น จำเลยให้การปฏิเสธพินัยกรรมท้ายฟ้องและว่าถ้า ผ.ได้ทำพินัยกรรมนั้นจริง ก็ถูกเพิกถอนโดยพินัยกรรมฉบับหลังแล้ว โจทก์มิได้เป็นทายาทและผู้จัดการมรดก ผ.ยกทรัพย์ดังกล่าวให้จำเลยโดยชอบด้วยใจสมัคร และโจทก์ขอให้ศาลตั้งเป็นผู้จัดการมรดกตามคดีดำที่ 6368/2516 ซึ่งยังพิพาทกันอยู่ ยังไม่ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้จัดการมรดก เมื่อตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1712 เจ้ามรดกมีสิทธิที่ตั้งผู้จัดการมรดกได้แต่เรื่องนี้ยังมีข้อโต้เถียงกันอยู่ว่า พินัยกรรมที่โจทก์อ้างจะเป็นพินัยกรรมที่ถูกต้องแท้จริงหรือไม่เจ้ามรดกได้ระบุไว้ในพินัยกรรมตั้งโจทก์เป็นผู้จัดการมรดกจริงหรือไม่ โจทก์มีข้อเสื่อมเสียประการใดและมีพินัยกรรมฉบับหลังเพิกถอนการตั้งผู้จัดการมรดกที่โจทก์อ้างหรือไม่ เหล่านี้เป็นข้อที่จะต้องฟังข้อเท็จจริงกันต่อไปเพื่อที่จะได้ทราบชัดว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ แม้ว่าศาลจะมีอำนาจหยิบยกปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องขึ้นวินิจฉัยได้เอง แต่ตามพฤติการณ์แห่งคดีศาลก็ควรจะได้ฟังข้อเท็จจริงดังกล่าวให้ถ่องแท้เสียก่อนจึงจะวินิจฉัยได้ แม้คดีหมายเลขดำที่ 6268/2516 นั้น คณะผู้พิพากษาผู้นั่งพิจารณาเป็นคณะเดียวกับคดีนี้ แต่ก็เป็นคนละคดีกันและมิได้รวมพิจารณาจะนำข้อเท็จจริงในคดีหนึ่งมาใช้กับอีกคดีหนึ่งหาได้ไม่ เมื่อโจทก์มิได้แถลงรับในข้อนี้ก็จะต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า คุณหญิงหรือนางผกาฉัตร สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ซึ่งถึงแก่กรรมเป็นมารดาของนางดาพินี วัฒนธำรงค์หรือสนิทวงศ์ ณ อยุธยา ภริยาโจทก์ที่ ๑ ได้ทำพินัยกรรมลงวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๑๐ อันเป็นเอกสารฝ่ายเมืองมีข้อความระบุทรัพย์สินที่มีและตั้งโจทก์ทั้งสามเป็นผู้จัดการมรดก ขณะนี้โจทก์ทั้งสามกำลังจัดทรัพย์มรดกรายนี้อยู่ โดยเฉพาะที่ดินโฉนดที่ ๔๑๙๘ และ ๔๐๘๔ พร้อมสิ่งปลูกสร้างมีราคา ๖,๐๐๐,๐๐๐ บาท ก็เป็นทรัพย์ส่วนหนึ่งของกองมรดกนี้ด้วย จำเลยทราบว่าโจทก์ที่ ๑ เป็นผู้เก็บรักษาโฉนดที่ดินดังกล่าวจำเลยถือโอกาสที่คุณหญิงผกาฉัตรมีสติฟั่นเฟืองเนื่องจากสูงอายุ ได้หลอกลวงนำคุณหญิงผกาฉัตรไปแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานว่าโฉนดหาย ขออายัดโฉนดดังกล่าวและมีความประสงค์จะขอใบแทนโฉนด แล้วจำเลยนำใบรับแจ้งความนั้นไปขอรับใบแทนโฉนด โดยจำเลยและเจ้าพนักงานบางคนในสำนักงานที่ดินร่วมกันออกใบแทนโฉนดทั้งสองแปลงให้จำเลยรับไป ต่อมาจำเลยกับพวกได้ร่วมกันฉ้อฉลให้คุณหญิงผกาฉัตรโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวทั้งสองแปลงพร้อมทั้งสิ่งปลูกสร้างให้เป็นของจำเลย โดยยกให้ไม่มีค่าตอบแทน ทั้งระบุให้เป็นสินส่วนตัวของจำเลย ทำให้กองมรดกเสียหายขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมยกให้ที่ดินโฉนดที่ ๔๑๙๘ และ ๔๐๘๔ พร้อมทั้งสิ่งปลูกสร้าง และให้จำเลยจัดการโอนกรรมสิทธิ์เป็นของคุณหญิงผกาฉัตร ฯลฯ
จำเลยให้การว่า หากคุณหญิงผกาฉัตรได้ทำพินัยกรรมนั้นจริง ก็ถูกเพิกถอนโดยพินัยกรรมฉบับลงวันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๑๓ และฉบับลงวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๑๓ กับพินัยกรรมฉบับลงวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๑๔ ที่ดินโฉนดเลขที่ ๔๑๙๘ และ ๔๐๘๔ พร้อมทั้งสิ่งปลูกสร้างจึงไม่เป็นของโจทก์ ทั้งโจทก์ก็มิได้เป็นทายาทโดยธรรมและไม่เป็นผู้จัดการมรดกของคุณหญิงผกาฉัตร แต่ทรัพย์สินนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยโดยคุณหญิงผกาฉัตร จดทะเบียนยกให้จำเลยโดยชอบด้วยกฎหมายด้วยใจสมัครและโดยสุจริต โจทก์ทั้งสามยังได้ขอให้ศาลตั้งเป็นผู้จัดการมรดก ปรากฏตามคดีแพ่งหมายเลขดำที่ ๖๒๖๘/๒๕๑๖ ซึ่งยังพิพาทกันอยู่ โจทก์ยังไม่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดกจะขอมาฟ้องคดีนี้อีกไม่ไดเช่นเดียวกัน
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาข้อกฎหมายโดยพิพากษาว่า โจทก์ในคดีนี้ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งขอให้ตั้งโจทก์ทั้งสามเป็นผู้จัดการมรดกของคุณหญิงผกาฉัตร ตามคดีแพ่งหมายเลขดำที่ ๖๒๖๘/๒๕๑๖ จำเลยในคดีร้องคัดค้าน คดียังพิพาทกันอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น ศาลยังมิได้วินิจฉัยชี้ขาดในเรื่องพินัยกรรมและตัวผู้จัดการมรดกในคดีนั้น จึงยังไม่เป็นที่แน่นอนว่าโจทก์ทั้งสามในคดีนี้จะเป็นผู้จัดการมรดกของคุณหญิงผกาฉัตร โดยชอบและสมบูรณ์ตามกฎหมาย โจทก์จึงยังไม่ใช่ผู้เสียหายและได้รับความเสียหายที่จะมาฟ้องคดีนี้ได้จนกว่าศาลจะได้วินิจฉัยชี้ขาดในเรื่องการตั้ง ผู้จัดการมรดกเสร็จสิ้นเสียก่อน พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสืบพยานแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปความ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์ฟ้องโดยอ้างว่าเป็นผู้จัดการมรดกตามที่เจ้ามรดกตั้งไว้ในพินัยกรรม จำเลยให้การไม่รับรองพินัยกรรมที่โจทก์อ้าง หากจะฟังว่าเจ้ามรดกทำพินัยกรรมตั้งโจทก์ทั้งสามเป็นผู้จัดการมรดกก็ถูกลบล้างโดยพินัยกรรมฉบับหลัง และว่าก่อนคดีนี้โจทก์ทั้งสามร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกตามคดีแพ่งหมายเลขดำที่ ๖๒๖๘/๒๕๑๖ ซึ่งยังพิพาทกันอยู่ ดังนี้ในข้อที่ว่าเจ้ามรดกทำพินัยกรรมตั้งโจทก์ทั้งสามเป็นผู้จัดการมรดกจริงหรือไม่ ก็ยังเป็นข้อโต้เถียงกันอยู่ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๗๑๒ เจ้ามรดกมีสิทธิที่จะตั้งผู้จัดการมรดกได้ พินัยกรรมที่โจทก์อ้างจะเป็นพินัยกรรมที่ถูกต้องแท้จริง เจ้ามรดกได้ระบุไว้ในพินัยกรรมตั้งโจทก์ทั้งสามเป็นผู้จัดการมรดกจริง โจทก์ที่ ๑ มีข้อเสื่อมเสียประการใดและมีพินัยกรรมฉบับหลังเพิกถอนการตั้งผู้จัดการมรดกที่โจทก์อ้างหรือไม่ เหล่านี้เป็นข้อที่จะต้องฟังข้อเท็จจริงกันต่อไปเพื่อที่จะได้ทราบแน่ชัดว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ แม้ว่าศาลมีอำนาจที่จะหยิบยกปัญหาในเรื่องอำนาจฟ้องขึ้นวินิจฉัยได้เองโดยไม่ต้องมีคู่ความฝ่ายใดร้องขอก็ตาม แต่พฤติการณ์ในคดีนี้ศาลควรจะได้ฟังข้อเท็จจริงตามแนวข้างต้นเสียก่อนจึงจะวินิจฉัยได้ ข้อที่จำเลยฎีกาว่า ในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ ๖๒๖๘/๒๕๑๖ ซึ่งโจทก์ทั้งสามในคดีนี้ร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกกับคดีนี้ คณะผู้พิพากษาผู้นั่งพิจารณาเป็นคณะเดียวกันย่อมจะทราบข้อเท็จจริงดีอยู่แล้ว ไม่จำต้องให้โจทก์แถลงรับอีกว่าโจทก์ได้ไปร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกในคดีดังกล่าวไว้ ศาลฎีกาเห็นว่าคดีดำที่ ๖๒๖๘/๒๕๑๖ กับคดีนี้เป็นคนละคดีกันและมิได้รวมพิจารณาจะนำข้อเท็จจริงในคดีหนึ่งมาใช้กับอีกคดีหนึ่งหาได้ไม่ เมื่อโจทก์มิได้แถลงรับในข้อนี้ก็จะต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไป
พิพากษายืน

Share