แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ที่พิพาทเป็นของโจทก์และเป็นที่ดินมือเปล่า จำเลยคนหนึ่งเคยกั้นรั้วรุกล้ำเข้ามา แต่ก็รื้อไปตั้งแต่ก่อนเกิดพิพาทกัน จำเลยอีกคนหนึ่งเคยเข้ามาปลูกต้นยางไว้ แต่ก็ได้โค่นหมดไปหลายปีแล้วย่อมต้องถือว่าการแย่งการครอบครองครั้งนั้นๆ ยุติไปแล้วสิทธิครอบครองคงอยู่กับโจทก์ เมื่อโจทก์จะรังวัดเพื่อโอนที่ดินให้ผู้อื่น จำเลยไม่มีสิทธิร้องคัดค้านหรือขัดขวาง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มีที่ดิน 1 แปลง จำเลยที่ 1 ได้รุกล้ำทางด้านเหนือโดยปลูกต้นไม้ ทำเล้าไก่ ขุดบ่อส้วมซึม และกั้นลวดตาข่ายแต่ทำ ๆ รื้อ ๆ เมื่อเดือนสิงหาคม 2502 จำเลยที่ 1 ได้ไปร้องคัดค้านการโอนที่ดินแปลงนี้ว่าติดที่ของจำเลยที่ 1 เข้าไปด้วย และเมื่อเจ้าพนักงานศาลไปทำแผนที่ โจทก์จึงทราบว่าจำเลยที่ 1 ได้รุกล้ำที่ดินโจทก์ในอาณาเขตหมายเลข 1 ส่วนจำเลยที่ 2 รุกล้ำที่โจทก์ทางตะวันออกตรงหมายเลข 2 โดยไปร้องคัดค้านการโอนของโจทก์ว่าติดที่ดินของจำเลยที่ 2 เข้าไปด้วย ขอให้ห้ามจำเลยที่ 1 ไม่ให้เกี่ยวข้องกับที่ดินหมายเลข 1 และให้ขุดถมที่ดินโจทก์ให้อยู่ในสภาพเดิม ห้ามจำเลยที่ 2 ไม่ให้เกี่ยวข้องกับที่ดินหมายเลข 2
จำเลยที่ 1 ให้การว่า จำเลยไม่ได้บุกรุกแย่งสิทธิที่ดินโจทก์ที่ดินหมายเลข 1 เป็นที่ส่วนหนึ่งของโจทก์ที่ 2 ที่ขายให้บุตรจำเลยจำเลยครอบครองมาเกือบ 10 ปี ทำเล้าไก่และบ่อส้วมซึมในที่ของบุตรจำเลย และทำรั้วในที่ดินของจำเลยที่ 2 โจทก์จะโอนที่ดินให้ผู้อื่น ได้รังวัดปักหลักล่วงล้ำที่ของบุตรจำเลยกับจำเลยที่ 2จำเลยทั้งสองจึงไปคัดค้าน ที่พิพาทเป็นที่มือเปล่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375
จำเลยที่ 2 ให้การว่า ที่ของจำเลยเดิมเป็นสวนยางเพิ่งตัดโค่นเมื่อไม่กี่ปีมานี้ จำเลยเกี่ยวข้องกับที่พิพาทมากกว่า 10 ปีแล้ว โจทก์เพิ่งฟ้องจึงขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิพากษาห้ามจำเลยที่ 1 เกี่ยวข้องกับที่พิพาทหมายเลข 4 ตามแผนที่กลาง (คือที่จำเลยที่ 1 ไปร้องคัดค้าน) และให้จำเลยขุดถมที่ของโจทก์ให้อยู่ในสภาพเดิมและห้ามจำเลยที่ 2 เกี่ยวข้องกับที่พิพาทหมายเลข 3 (คือ ที่จำเลยที่ 2 ไปร้องคัดค้าน)
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่พิพาทหมายเลข 3 และ 4 เป็นของโจทก์จำเลยที่ 1 ปลูกตึกในที่ดินสาธารณติดกับที่ดินหมายเลข 4 ได้ทำบ่อส้วมซึมลงในที่ดินหมายเลข 4 และทำคอกไก่บางส่วนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินหมายเลข 4 แต่ทำขึ้นเมื่อราวต้นปี พ.ศ. 2500 โจทก์ฟ้องเมื่อเป็นเวลาเกิน 1 ปี นับแต่วันถูกแย่งการครอบครองจึงขาดสิทธิฟ้องเรียกคืนการครอบครองเฉพาะที่ดินตรงที่ทำบ่อส้วมซึมและบางส่วนของคอกไก่เท่านั้นที่ดินนอกจากนี้จำเลยที่ 1 ไม่ได้ครอบครองแต่ประการใดเลย รั้วลวดหนามจำเลยที่ 1 ก็รื้อไปก่อนเกิดพิพาทกัน จึงไม่มีการแย่งการครอบครองในส่วนนี้ จำเลยที่ 1 จึงไม่มีสิทธิจะร้องคัดค้านการที่โจทก์นำรังวัดเพื่อโอนที่ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องโจทก์เสียทั้งหมดยังไม่ชอบ
สำหรับจำเลยที่ 2 ได้ความว่าไม่ได้เข้าครอบครองที่พิพาทหมายเลข 3 เลยแม้จะฟังว่าครั้งหนึ่งเคยเข้ามาปลูกต้นยางไว้แต่ก็ได้โค่นหมดไปหลายปีแล้ว จำเลยที่ 2 ไม่เคยเข้ามาเกี่ยวข้องกับที่พิพาทอีก เมื่อที่พิพาทหมายเลข 3 เป็นของโจทก์ จำเลยที่ 2 เคยเข้ามาแย่งการครอบครองครั้งหนึ่งแล้วก็ออกไป การแย่งการครอบครองครั้งนั้นก็ยุติไปแล้ว สิทธิครอบครองคงอยู่กับโจทก์จำเลยที่ 2ไม่มีสิทธิจะร้องคัดค้าน
พิพากษาแก้ว่า ห้ามมิให้จำเลยทั้งสองเกี่ยวข้องขัดขวางในการที่โจทก์จะรังวัดที่พิพาทหมายเลข 3 และ 5 นอกจากที่ดินตรงบ่อส้วมซึมและบางส่วนของคอกไก่เท่านั้น