คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 53/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าของที่ดินและเรือนขายเฉพาะเรือนในที่ดินนั้นแก่ผู้อื่นไปแล้วให้ผู้ซื้อทำสัญญาเช่าที่ดินที่ปลูกเรือนนั้น แต่ปรากฎว่า ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายทราบดีว่า มีผู้เช่าเรือนนั้นอยู่อาศัยมาแต่เดิม ซึ่งได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ และเมื่อซื้อมาแล้ว ผู้ซื้อก็จัดการร้องต่อคณะกรรมการควบคุมค่าเช่าให้ผู้เช่าออกจากเรือนพิพาทเพื่อเข้าอยู่เอง เมื่อคณะกรรมการไม่อนุญาต เจ้าของที่ดินก็ฟ้องขับไล่ให้ผู้ซื้อรื้อถอนเรือนนั้นไปดังนี้ เป็นพฤติการแสดงให้เห็นว่าเป็นการซื้อขายเพื่อให้ผู้เช่าไม่ได้ใช้หรือรับประโยชน์ในทรัพย์สินที่เช่าอยู่จึงถือว่าเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตและขัดกับ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ เจ้าของที่ดินจึงไม่มีสิทธิจะมาขอให้ศาลบังคับขับไล่ผู้เช่าออกไป

ย่อยาว

เดิมโจทก์ฟ้องนางสมศรี ผู้เช่าที่ดินของโจทก์ตั้งบ้านเรือน นางสมศรีได้ทำสัญญาปรานีประนอมยอมออกจากที่เช่า และรื้อสิ่งปลูกสร้างไป ศาลแพ่งได้พิพากษาและบังคับคดีไปตามยอม บัดนี้ครบกำหนดตามคำบังคับแล้ว จำเลยซึ่งอยู่ในบ้านเรือนของนางสมศรีรายนี้ ไม่ยอมออก โดยอ้างว่าไม่ใช่เป็นบริวารของนางสมศรี ฯลฯ จึงขอให้ศาลขับไล่จำเลย
จำเลยต่อสู้ว่า เป็นการสมยอมระหว่างโจทก์กับนางสมศรีในการทำสัญญาซื้อขายสิ่งปลูกสร้าง ฯลฯ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว คดีนี้ได้ความว่าเดิมเรือนพิพาทและที่ดินเป็นของมารดาโจทก์ จำเลยได้เช่าอยู่อาศัยมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๘๘ ต่อมาที่ดินและเรือนตกเป็นของโจทก์ จำเลยก็คงเช่าอยู่ตลอดมาเมื่อ เมษายน ๒๔๙๓ โจทก์ขายเฉพาะเรือนให้นางสมศรี และในนางสมศรีเช่าที่ดินปลุกเรือนนั้น ต่อมาโจทก์จึงฟ้องนางสมศรี แล้วยอมความกัน
ศาลฎีกาเห็นว่า แม้การซื้อขายเรือนพิพาทระหว่างโจทก์กับนางสมศรี จะฟังว่าเป็นการสมยอมกันหรือไม่ก็ตาม แต่คดีได้ความว่าขณะซื้อขายกัน โจทก์และนางสมศรีทราบดีว่า จำเลยได้เช่าบ้านเรือนนั้นอยู่อาศัย ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ ประกอบกับเมื่อซื้อแล้ว นางสมศรี ก็จัดการร้องต่อคณะกรรมการควบคุมค่าเช่าฯให้จำเลยออกจากเรือนพิพาทเพื่อเข้าอยู่เอง และเมื่อคณะกรรมการไม่อนุญาต โจทก์ก็ฟ้องนางสมศรี นางสมศรียอมความ ยอมรื้อถอนเรือนนั้นไป ดังนี้ เป็นพฤติการณ์แสดงให้เห็นว่าเป็นการซื้อ่ขายเพื่อให้จำเลยไม่ได้ใช้ หรือรับประโยชน์ในทรัพย์สินที่เช่าอยู่ จึงถือว่าเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต และขัดกับ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ โจทก์ไม่มีสิทธิจะมาขอให้ศาลบังคับจำเลยดังฟ้องได้
จึงพิพากษายืน

Share