คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 528/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้สภาพของเรือของกลางจะมีส่วนไม่เรียบร้อยอยู่หลายอย่างเมื่อปรากฏว่าเรือของกลางมีเครื่องยนต์ติดตั้งและใช้แล่นขนส่งสินค้าตามลำน้ำมาก่อนแล้วหลายครั้ง ขณะถูกจับก็ใช้แล่นอยู่ ทั้งกรมเจ้าท่าได้รับจดทะเบียนเป็นเรือประเภทขนส่งของส่วนบุคคลไว้แล้ว ดังนี้ เป็นพฤติการณ์ที่เห็นได้ว่าเรือของกลางมีสภาพเป็นเรือใช้ประโยชน์ได้สมบูรณ์แล้ว จึงมีสภาพเป็นเครื่องใช้ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503 มาตรา 4 ไม่ใช่ไม้แปรรูป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2510 เวลากลางวัน จำเลยมีไม้สัก 67 แผ่น ไม้ยาง 15 แผ่น ปริมาตรเนื้อไม้ 2.32 ลูกบาศก์เมตรแปรรูปเป็นเรือโป๊ะโกลน 1 ลำ ยังไม่สำเร็จรูป และมีไม้สักแปรรูปเป็นไม้กระดาน 7 แผ่น ปริมาตร 0.32 ลูกบาศก์เมตร รวมไม้แปรรูปทั้งหมด 89 แผ่น ปริมาตร 2.64 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งไม่ใช่ไม้ที่อยู่ในสภาพเป็นสิ่งปลูกสร้างหรืออยู่ในสภาพเป็นเครื่องใช้และไม่เคยอยู่ในสภาพเป็นสิ่งปลูกสร้างหรือเครื่องใช้มาแล้วแต่ประการใด ๆ ไว้ในครอบครอง ทั้งไม่ใช่ไม้แปรรูปที่ไม่ต้องเสียค่าภาคหลวงหรือได้รับยกเว้นตามกฎหมาย ภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ อันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายและประกาศรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฯ ทั้งนี้ โดยจำเลยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย เหตุเกิดที่ตำบลวังยาง อำเภอคลองขลุง จังหวัดกำแพงเพชร ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48, 73, 74; (ฉบับที่ 4)พ.ศ. 2503 มาตรา 17 ประกาศกระทรวงเกษตร เรื่องกำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 ลงวันที่ 3 พฤศจิกายนพ.ศ. 2499 และสั่งริบของกลาง

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ. 2484 มาตรา 48, 73, 74; (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503 มาตรา 17ประกาศกระทรวงเกษตร เรื่องกำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2499จำคุก 6 เดือน ปรับ 3,000 บาท รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 1 ปีของกลางริบ

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกาว่า เรือโป๊ะของกลางเป็นเครื่องใช้ตามความหมายแห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2503 มาตรา 4(4) หาใช่ไม้แปรรูปตามฟ้องโจทก์ไม่ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลฎีกาวินิจฉัยตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนซึ่งศาลอุทธรณ์ฟังมาว่า วันเกิดเหตุ จำเลยมีเรือของกลางไว้ในครอบครองจำเลยนำเรือดังกล่าวโดยเอาเครื่องยนต์ยี่ห้อเจโลติดท้ายเรือแล่นไปตามลำน้ำปิง แล้วถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับ

เรือของกลางใช้ไม้สักหนา 3 เซนติเมตร ประกอบเป็นลำเรือกระดานทุกแผ่นต่อไว้เฉย ๆ โดยใช้ตะปูยึดไม้ ไม่ใช้ไม้ลูกกระสักไม่มีการเข้าลิ้น ยาขันตรงรอยต่อไว้เพียงเล็กน้อย ไม้กราบเรือ พื้นเรือ และหัวเรือ ใช้ไม้หนาและหน้ากลาง ๆ ทำให้มีน้ำหนักมาก กราบเรือทำเป็น 2 ชั้น โยงไว้ด้วยน็อต การใส่น็อตไม่ได้เจาะกระดานแต่ใส่ไว้ตรงรอยต่อของไม้ กงเรือใช้ไม้ยางทำ ซึ่งปกติจะต้องใช้ไม้ที่ไม่ผุง่ายหลังคาเรือเป็นกระดานไม้สัก เสาเล็ก ๆ ทำชั่วคราว ไม่ลบเหลี่ยม มีไม้สักปูท้องเรือไว้เฉย ๆ ดังนี้

ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่า แม้สภาพของเรือของกลางจะมีส่วนไม่เรียบร้อยอยู่หลายอย่าง ทั้งนี้ อาจเป็นเพราะฝีมือต่อเรือของช่างตามชนบทไม่ดีพอ ขาดความเรียบร้อย แต่เมื่อปรากฏว่าเรือของกลางมีเครื่องยนต์ติดตั้งและใช้แล่นขนส่งสินค้าตามลำน้ำปิงมาก่อนแล้วรวม 4 ครั้ง ขณะถูกจับจำเลยก็ใช้เรือของกลางแล่นอยู่ตามลำน้ำปิงทั้งข้อเท็จจริงยังปรากฏด้วยว่ากรมเจ้าท่าได้รับจดทะเบียนไว้เป็นเรือประเภทใช้ขนส่งของส่วนบุคคล ตามใบอนุญาตใช้เรือของกรมเจ้าท่าเลขที่ 109742 ดังนี้ เป็นพฤติการณ์ที่เห็นได้ว่าเรือของกลางมีสภาพเป็นเรือใช้ประโยชน์ได้สมบูรณ์แล้ว จึงมีสภาพเป็นเครื่องใช้ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503 มาตรา 4 เทียบตามนัยคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 437/2511 ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดสุราษฎร์ธานี โจทก์ นายล้ายต้า แซ่ลิ้ม จำเลย แม้เรือของกลางจะมีสภาพดังที่ศาลอุทธรณ์ฟังมา ก็เห็นได้ว่าอยู่ในสภาพเป็นเครื่องใช้อันแท้จริง ไม่ใช่ทำขึ้นเพียงชั่วคราวเพื่อลวงหรือพรางโดยเจตนาจะหลีกเลี่ยงกฎหมาย จึงไม่ใช่ไม้แปรรูป ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลย ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยฟังขึ้น

พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกฟ้องโจทก์ ของกลางคืนจำเลยไป

Share