แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกที่ดินแต่ความจริงปรากฏว่าที่ดินแปลงนี้โจทก์จำเลยเคยพิพาทกันมาก่อนแล้ว ศาลพิพากษาให้แบ่งที่ดินให้จำเลยส่วนหนึ่ง ครั้นเมื่อจำเลยนำเจ้าพนักงานรังวัด โจทก์อ้างว่าจำเลยนำเจ้าพนักงานรังวัดบุกรุกที่โจทก์ไม่ตรงตามคำพิพากษา ศาลสั่งว่าแผนที่ ๆ นำรังวัดนั้นถูกต้องแล้ว โจทก์ไม่อุทธรณ์คำสั่งในคดีก่อนแต่มาฟ้องใหม่ขอให้แสดงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ กรณีจึงเป็นฟ้องซ้ำ.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เคยเป็นความกับจำเลยในคดีแพ่งเลขแดงที่ ๑๑๕/๑๔๙๐ ที่สุดศาลพิพากษาให้แบ่งที่โฉนดที่ ๕๐๕ ให้จำเลยตามส่วนที่ครอบครองเนื้อที่ประมาณ ๖ ไร่ ๖๐ วา แต่ชั้นบังคับคดีจำเลยนำเจ้าพนักงานรังวัดที่ดินเข้าไปในที่โจทก์ครอบครองกว้างประมาณ ๑ วา ยาวประมาณ ๒๕ วา ราคา ๓,๐๐๐ บาท โจทก์คัดค้านจำเลยก็ยังยืนยันขืนนำเจ้าพนักงานรังวัดที่ดินของโจทก์ทั้งขอให้ศาลสั่งเจ้าพนักงานแบ่งแยกที่ดินให้จำลยอีก จึงขอให้ศาลแสดงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์
จำเลยให้การว่าจำเลยนำรังวัดตามส่วนที่จำเลยครอบครองตามคำพิพากษาที่ถึงที่สุดแล้วไม่ได้รุกที่ดินโจทก์
ศาลชั้นต้นได้พิเคราะห์แผนทีวิวาทและหลักฐานในสำนวนคดีแดงที่ ๑๑๕/๒๔๙๐ แล้วสั่งงดสืบพยาน พิพากษาว่าจำเลยไม่ได้รุกที่โจทก์และคดีโจทก์เป็นฟ้องซ้ำ ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าข้อเท็จจริงยังไม่อาจทราบได้ว่าจำเลยได้รุกที่โจทก์หรือไม่ ถ้าโจทก์นำสืบได้ว่าจำลยนำรังวัดรุกล้ำก็ไม่เป็นฟ้องซ้ำ จึงพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานใหม่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์ดำเนินคดีนี้ก็โดยอ้าง ว่าเจ้าพนักงานทำการแบ่งแยกที่ดินไม่ถูกต้องตามคำพิพากษาในคดีคราวก่อน โดยกล่าวว่าศาลพิพากษาให้แบ่งแยกที่พิพาทเป็นเนื้อที่ราว ๖ ไร่ ๖๐ วา แต่ตามแผนที่ที่ส่งศาลเป็นเนื้อที่ ๗ ไร่ ๓ งาน ๕+ วา โจทก์คัดค้าน ศาลกลับสั่งว่าเจ้าหน้าที่ทำถูกต้องแล้ว ศาลฎีกาเห็นว่ากรณีเช่นนี้ โจทก์ชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งในคดีก่อนนั้นต่อไป เพราะเป็นเรื่องชั้นบังคับคดี โจทก์ฟ้องใหม่จึงเป็นฟ้องซ้ำ พิพากษากลับให้ ยกฟ้องโจทก์.