คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 524/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ห้องทางน้ำซึ่งตื้นเขินขึ้นสูงกว่าที่ของโจทก์ และมีลำรางน้ำฝนไหลคั่นกลางเช่นนี้ หาใช่ที่งอกต่อจากที่โจทก์ไม่ แต่เป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน
เมื่อศาลเห็นว่าข้อเท็จจริงในคดีพอวินิจฉัยได้แล้ว ศาลก็มีอำนาจพิพากษาคดีนั้นได้ โดยไม่ต้องดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป

ย่อยาว

โจทย์ฟ้องว่า จำเลยบุกรุกเข้าไปปลูกโรงนาลงในเขตโฉนดของโจทก์ รวมทั้งที่งอกต่อจากโฉนดของโจทก์ ทำเป็นที่อยู่อาศัยเลี้ยงเป็ดไก่ ๆ ของจำเลยกินและเหยียบพืชผักของโจทก์ จึงขอให้ขับไล่และให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย
จำเลยให้การว่า ที่พิพาทเป็นที่ตื้นเขินริมหนองบางชัน ไม่ใช่ที่งอกเสมอกับที่นาของโจทก์จำเลยไปขออนุญาตกำนันๆ ให้จำเลยอาศัยในที่พิพาทได้ จำเลยไม่ได้ทำความเสียหาย
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับเฉพาะที่มีปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาเห็นว่าข้อเท็จจริงศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังตรงกันมาว่า ที่ตรงที่จำเลยปลูกโรงเลี้ยงเป็ด อยู่ในหนองบางชัน ปลายเขตโฉนดของโจทก์ เป็นที่ดอนขึ้นเมื่อปีที่แล้ว และสูงกว่าระดับพื้นที่ของโจทก์มาก ตามแผนที่วิวาททึ่โจทก์นำชี้ ปรากฎว่าโรงที่จำเลยปลูกอยู่นอกโฉนดของโจทก์ ตรงที่จำเลยปลูกโรงนี้กับปลายนาของโจทก์มีลำรางฝนตกน้ำไหลคั่นกลางอยู่ ไม่ใช่ที่ติดต่อเป็นผืนเดียวกันจึงฟังไม่ได้ว่าเป็นที่งอกต่อจากนาโจทก์ แต่เป็นที่ห้องทางน้ำ หนองตื้นเขินขึ้นจึงเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินส่วนข้อ ก.ม.ที่โจทก์ว่า ศาลยังไม่ได้ไปดูที่พิพาท และยังมิได้ทำการรังวัดสอบเขตโฉนดโจทก์ให้แน่นอน แต่ศาลก็ได้มีคำพิพากษาไปโดยยังดำเนินกระบวนพิจารณายังไม่เสร็จสิ้นกระแสร์ความ ขอให้ย้อนสำนวนในให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่นั้น เห็นว่าเมื่อโจทก์เองเบิกความก็ว่า จำเลยปลูกโรงลงในที่งอกหน้าที่โจทก์ ซึ่งหาใช่ในเขตโจทก์ไม่ โจทก์ชี้ให้พนักงานทำแผนที่ก็ปรากฎว่า โรงจำเลยอยู่นอกเขตโฉนดโจทก์ เมื่อศาลเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้แล้ว ก็ไม่จำต้องไปดูที่พิพาทหรือรอการรังวัดดังฎีกาโจทก์ พิพากษายืน

Share