แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ทำสัญญาจะขายห้องแถวซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินของราชพัสดุ โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องโอนการเช่าที่ดินนั้นให้แก่เขาด้วย ถ้าทางการขัดข้องในเรื่องโอนการเช่าสัญญาซื้อขายเป็นอันเลิกกันดังนี้ ถ้าผู้ขายปฏิเสธไม่ยอมปฏิบัติตามสัญญาเสียแต่เริ่มแรกแล้ว ย่อมได้ชื่อว่าเป็นฝ่ายผิดสัญญาผู้ซื้อมีสิทธิขอให้บังคับให้ขายห้องแถวและโอนการเช่าได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2489 จำเลยได้ทำหนังสือสัญญาจะขายห้องแถว 2 ห้องของจำเลยซึ่งปลูกอยู่ในดินราชพัสดุให้แก่โจทก์ในวันที่ 2 กันยายน ปีเดียวกันเป็นราคา 17,000 บาท จำเลยรับเงินมัดจำไปในวันนั้น2,000 บาท ส่วนการที่โจทก์จะเช่าที่ราชพัสดุต่อจากจำเลยนั้น จำเลยรับจะเป็นผู้จัดการให้วันรุ่งขึ้นจำเลยไม่ยอมขาย ถึงวันนัดจำเลยก็ไม่ยอมขาย จึงขอบังคับให้จำเลยขายห้องแถวตามสัญญากับให้จำเลยเลิก เช่าที่ดินราชพัสดุ ให้โจทก์เช่าแทน
ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยผิดสัญญา จึงพิพากษาบังคับให้จำเลยขายห้องแถวพิพาทและโอนการเช่าให้โจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโดยเห็นว่า โจทก์ (ผู้ซื้อ) เป็นฝ่ายผิดสัญญา เพราะไม่ไปจัดการขอโอนการเช่าที่เทศบาลแต่กลับจะให้จำเลย (ผู้ขาย) ไปทำการโอนขายที่อำเภอซึ่งไม่ตรงกับสัญญาที่ทำกันไว้
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คำพยานทั้งสองฝ่ายยังไม่ถึงขั้นที่ว่าทางการขัดข้องในเรื่องโอนการเช่า แต่โจทก์กลับนำสืบว่าทำสัญญาซื้อขายกันวันที่ 30 สิงหาคม 2489 พอรุ่งขึ้นวันที่ 31 สิงหาคม 2489 จำเลยได้บอกไม่ขายห้องแถวให้แก่โจทก์ เช้าวันที่ 2 กันยายน ซึ่งเป็นนัดทำการซื้อขายจำเลยไปถึงอำเภอก็เหตุว่าโจทก์ไม่ไปเทศบาล และไม่ยอมขายพฤติการณ์ ทั้งนี้เป็นข้อแก้ตัวของจำเลยที่รับฟังไม่ได้ เพราะโจทก์ยังนำสืบได้ว่า ถ้าได้มีการขอร้องโอนการเช่าในเรื่องนี้ ก็น่าจะไม่มีเหตุขัดข้อง เมื่อฟังว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาเสียตั้งแต่เริ่มแรกแล้ว จำเลยก็ต้องรับผิดตามสัญญา จึงพิพากษากลับศาลอุทธรณ์ให้จำเลยจัดการโอนขายห้องแถวและโอนการเช่าให้แก่โจทก์ตามสัญญาถ้าจำเลยไม่ปฏิบัติให้ถือเอา คำพิพากษานี้แทนการแสดงเจตนาของจำเลย ถ้าไม่สามารถโอนได้ให้จำเลยคืนเงินมัดจำ 2,000 บาท ให้แก่โจทก์พร้อมทั้งดอกเบี้ยร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี