แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยกับพวกร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้เสียหายที่ 1 และทำร้ายผู้เสียหายที่ 2 กับใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายที่ 2 ด้วย แม้เป็นการทำร้ายผู้เสียหายทั้งสองในช่วงเวลาใกล้ชิดกัน แต่ขณะคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายที่ 2 นั้น ผู้เสียหายที่ 1 ซึ่งถูกทำร้ายแล้วและกำลังวิ่งหนี จึงแยกเจตนาออกจากกันได้ จึงเป็นความผิดสองกรรม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 83, 91, 288, 295
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 295 ประกอบมาตรา 80, 83 การกระทำเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น จำคุก 10 ปี ฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ จำคุก 1 ปี รวมจำคุก 11 ปี ส่วนข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยมีว่า การกระทำความผิดของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวหรือหลายกรรม เห็นว่า จำเลยกับพวกร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้เสียหายที่ 1 และ ทำร้ายผู้เสียหายที่ 2 กับใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายที่ 2 ด้วย แม้เป็นการทำร้ายผู้เสียหายทั้งสองในช่วงเวลาใกล้ชิดกัน แต่ขณะคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายที่ 2 นั้นผู้เสียหายที่ 1 ซึ่งถูกทำร้ายแล้วและกำลังวิ่งหนี จึงแยกเจตนาออกจากกันได้ จึงเป็นความผิดสองกรรม ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยทุกข้อฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน