คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5189/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยโดยไม่เรียงกระทงลงโทษศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 เป็นการปรับบทลงโทษให้ถูกต้องและการที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 แก้โทษจำคุกให้น้อยลงจึงไม่เป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 212 เมื่อคดีขึ้นมาสู่การพิจารณาของศาลฎีกาแล้ว ศาลฎีกามีอำนาจที่จะพิจารณาพิพากษาลงโทษจำเลยให้เหมาะสมแก่ความผิดและรอการลงโทษให้แก่จำเลยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุก 4 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 เดือน
จำเลยอุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้เรียงกระทงลงโทษจำคุกกระทงละ 1 เดือน รวมสองกระทงเป็นจำคุก 2 เดือน ลดโทษกึ่งหนึ่งแล้วคงจำคุก 1 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาให้เรียงกระทงลงโทษตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 เป็นการปรับบทลงโทษให้ถูกต้องและศาลอุทธรณ์ภาค 2 ได้แก่โทษจำคุกให้น้อยลงจึงไม่เป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212ส่วนที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษนั้น เห็นว่า เมื่อคดีนี้ขึ้นมาสู่การพิจารณาของศาลฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจที่จะพิจารณาพิพากษาลงโทษจำเลยให้เหมาะสมแก่ความผิดและรอการลงโทษให้แก่จำเลยได้ เมื่อปรากฎว่าโทษที่จำเลยได้รับนั้นมีเพียง 1 เดือน ทั้งจำเลยไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน ข้อเท็จจริงตามท้องสำนวนได้ความว่าจำเลยยังพยายามที่จะชำระหนี้ตามเช็คให้ผู้เสียหาย เห็นควรให้โอกาส จำเลยได้กลับประพฤติตนเป็นพลเมืองดีต่อไป จึงให้รอการลงโทษจำคุกจำเลย
พิพากษาแก้เป็นว่า โจทก์จำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2

Share