คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5137/2557

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสี่กับพวกร่วมกันปล้นทรัพย์รถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายไปโดยทุจริตโดยใช้อาวุธปืนและใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะเพื่อกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุมซึ่งเกิดเหตุในเวลากลางคืน เป็นการบรรยายฟ้องซึ่งรวมถึงการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ตาม ป.อ. มาตรา 335 (1) (7) วรรคสอง ประกอบมาตรา 83, 336 ทวิ เข้าไว้ด้วย เมื่อคดีฟังได้ว่าเป็นการลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยจำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันมีอาวุธปืนกับใช้รถจักรยานยนต์ในการกระทำความผิดเพื่อพาทรัพย์นั้นไปซึ่งชอบด้วยบทกฎหมายดังกล่าว แต่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ตาม ป.อ. มาตรา 334 ประกอบ มาตรา 83 อันเป็นการปรับบทความผิดไม่ถูกต้อง ศาลอุทธรณ์ภาค 8 จึงพิพากษาแก้ไขปรับบทความผิดให้ถูกต้องตามข้อเท็จจริงได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคท้าย กรณีมิใช่เป็นการพิพากษาเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้องและไม่ทำให้จำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 ต้องรับโทษสูงขึ้น

ย่อยาว

คดีนี้ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสุราษฎร์ธานีมีคำสั่งให้โอนคดีมาพิจารณาพิพากษาที่ศาลชั้นต้นตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2534 มาตรา 61 วรรคสอง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 289, 339, 340, 340 ตรี, 371 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ ริบหมอนรองกระสุนปืนลูกซองของกลางและให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนเป็นเงิน 50,000 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ
จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 83, 288, 334, 371 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 วรรคสาม, 72 ทวิ วรรคสอง จำเลยที่ 3 และที่ 4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 334 ขณะกระทำผิดจำเลยทั้งสี่เป็นเยาวชนอายุยังไม่เกินยี่สิบปี เห็นสมควรลดมาตราส่วนโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ลงโทษจำเลยที่ 1 และที่ 2 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น จำคุกคนละ 10 ปี ฐานร่วมกันลักทรัพย์ จำคุกคนละ 2 ปี ฐานร่วมกันมีอาวุธปืน จำคุกคนละ 6 เดือน ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกคนละ 6 เดือน รวมสามกระทง (ที่ถูก รวมสี่กระทง) จำคุกคนละ 12 ปี 12 เดือน ลงโทษจำเลยที่ 3 และที่ 4 ฐานร่วมกันลักทรัพย์จำคุกคนละ 2 ปี จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น จำคุก 5 ปี ฐานร่วมกันลักทรัพย์ จำคุก 1 ปี ฐานร่วมกันมีอาวุธปืน จำคุก 3 เดือน ฐานร่วมกันพาอาวุธปืน จำคุก 3 เดือน รวมสามกระทง (ที่ถูก รวมสี่กระทง) จำคุก 6 ปี 6 เดือน ริบหมอนรองกระสุนปืนลูกซองของกลางและให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่คืนเป็นเงิน 50,000 บาท แก่ผู้เสียหาย ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก
หลังจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา ระหว่างอุทธรณ์ จำเลยที่ 2 ถึงแก่ความตาย
จำเลยที่ 3 และที่ 4 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 371 ประกอบมาตรา 83 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 วรรคสาม, 72 ทวิ วรรคสอง และจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (1) (7) วรรคสอง ประกอบมาตรา 336 ทวิ, 83 ขณะกระทำความผิดจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 อายุกว่าสิบห้าปีแต่ต่ำกว่าสิบแปดปีลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น จำคุก 7 ปี 6 เดือน ฐานร่วมกันลักทรัพย์ จำคุก 1 ปี 6 เดือน ฐานร่วมกันมีอาวุธปืน จำคุก 4 เดือน 15 วัน ฐานร่วมกันพาอาวุธปืน เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 4 เดือน 15 วัน ลงโทษจำเลยที่ 3 และที่ 4 ฐานร่วมกันลักทรัพย์ จำคุกคนละ 1 ปี 6 เดือน จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น จำคุก 3 ปี 9 เดือน ฐานร่วมกันลักทรัพย์ จำคุก 9 เดือน ฐานร่วมกันมีอาวุธปืน จำคุก 2 เดือน 7 วัน และฐานร่วมกันพาอาวุธปืน จำคุก 2 เดือน 7 วัน รวมจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 3 ปี 22 เดือน 14 วัน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยในปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาของจำเลยที่ 3 ว่า ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาว่าจำเลยที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (1) (7) วรรคสอง ประกอบมาตรา 83, 336 ทวิ เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสี่กับพวกร่วมกันปล้นทรัพย์รถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายไปโดยทุจริตโดยใช้อาวุธปืนและใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะเพื่อกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม ซึ่งเหตุเกิดในเวลากลางคืน จึงเห็นได้ว่าเป็นการบรรยายฟ้องซึ่งรวมถึงการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (1) (7) วรรคสอง ประกอบมาตรา 83, 336 ทวิ เข้าไว้ด้วย เมื่อคดีฟังได้ว่ากรณีเป็นการลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยจำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันมีอาวุธปืนกับใช้รถจักรยานยนต์ในการกระทำความผิดเพื่อพาทรัพย์นั้นไปจึงชอบด้วยบทกฎหมายดังกล่าว แต่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 ประกอบมาตรา 83 อันเป็นการปรับบทความผิดไม่ถูกต้อง ศาลอุทธรณ์ภาค 8 จึงพิพากษาแก้ไขปรับบทความผิดให้ถูกต้องตามข้อเท็จจริงได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคท้าย กรณีมิใช่เป็นการพิพากษาเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้องและไม่ทำให้จำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 ต้องรับโทษสูงขึ้นแต่อย่างใด คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 ชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 3 ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share