แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องให้ลงโทษจำเลยรวม 8 คนฐานร่วมกันผลิตภัณฑ์ม่านเหล็กบังตาโดยลอกเลียนหรือใช้กรรมวิธีตามสิทธิบัตรของโจทก์โดยไม่มีสิทธิตาม กฎหมายและร่วมกันขายหรือมีไว้เพื่อขายซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวตามพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ.2522 มาตรา 85, 86, 88 ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง เมื่อโจทก์แสดงหลักฐานว่าโจทก์แต่ผู้เดียวเท่านั้นที่ได้รับสิทธิบัตรการประดิษฐ์ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ส่วนจำเลยที่ 2 เพียงแต่ยื่นคำขอรับสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ซึ่งคุ้มครองเฉพาะการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่ออุตสาหกรรมและหัตถกรรมเท่านั้น จำเลยที่ 2 ยังไม่ได้เป็นผู้ทรงสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ตามที่ได้ยื่นคำขอไว้และการกระทำของจำเลยในคดีนี้ก็เป็นเรื่องของการประดิษฐ์ ซึ่งผลิตภัณฑ์ของจำเลยตามที่โจทก์ฟ้องและนำสืบในชั้นไต่สวนมูลฟ้องส่วนใหญ่แล้วก็มีลักษณะเป็นอย่างเดียวกับ ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตหรือใช้กรรมวิธีตามสิทธิบัตรการประดิษฐ์ของโจทก์ มีข้อแตกต่างเพียงรายละเอียดปลีกย่อยซึ่งเพียงเท่านี้ยังไม่พอที่จะให้ถือว่าการกระทำของจำเลยไม่มีมูลความผิดทางอาญาตามฟ้อง จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคล เป็นผู้ขายหรือมีไว้เพื่อขายซึ่งผลิตภัณฑ์ที่จำเลยที่ 5 นิติบุคคล ผลิตหรือประดิษฐ์ขึ้นดังกล่าว ส่วนจำเลยนอกนั้นเป็นกรรมการซึ่งหากจำเลยที่ 1 และที่ 5 กระทำความผิดตามฟ้อง ก็อาจจะเป็นผู้กระทำความผิดได้ตามมาตรา 88 ของพระราชบัญญัติดังกล่าว คดีของโจทก์จึงมีมูลความผิดตามฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้ทรงสิทธิบัตรการประดิษฐ์ม่านเหล็กบังตาชนิดติดกับประตูเหล็กแบบยืดและพับได้ เลขที่ ๒๖๑ จำเลยที่ ๑ เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด โดยมีจำเลยที่ ๒,๓,๔ เป็นกรรมการดำเนินการจำเลยที่ ๕ เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด โดยมีจำเลยที่ ๖,๗,๘ เป็นกรรมการดำเนินการ จำเลยทั้งแปดโดยทุจริตได้ร่วมกันผลิตม่านเหล็กบังตาโดยลอกเลียนหรือใช้กรรมวิธีตามสิทธิบัตรของโจทก์ โดยไม่มีสิทธิตามกฎหมาย และร่วมกันขายหรือมีไว้เพื่อขายซึ่งผลิตภัณฑ์ม่านเหล็กบังตาที่ผลิตขึ้นโดยไม่มีสิทธิตามกฎหมายดังกล่าว โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นผลิตภัณฑ์อันลอกหรือเลียนการประดิษฐ์ของโจทก์ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา ๘๕, ๘๖, ๘๘ และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓, ๘๓, ๘๔, ๙๑ และริบเครื่องรีดใบม่านเหล็กบังตาทุกเครื่องพร้อมอุปกรณ์ที่ใช้ผลิตใบม่านเหล็กบังตาและผลิตภัณฑ์ม่านเหล็กบังตาที่ ลอกหรือเลียนสิทธิบัตรเลขที่ ๒๖๑ ของโจทก์
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาโดยศาลฎีกามีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์เพราะศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยอาศัยข้อกฎหมาย ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๐
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าทางไต่สวนมูลฟ้องโจทก์นำสืบว่าโจทก์ได้รับสิทธิบัตรการประดิษฐ์ม่านเหล็กบังตาชนิดติดกับประตู เหล็กแบบยืดและพับได้ เลขที่ ๒๖๑ ซึ่งออกให้เมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๒๘ โดยมีข้อถือสิทธิว่า “ม่านเหล็กบังตาชนิดติดกับประตูเหล็กแบบยืดและพับได้โดยออกแบบม้วนขอบใบม่านเหล็กบังตาตามความยาวด้าน ข้างทั้งสองข้างเป็นรูปก้นหอย ซึ่งมีทิศทางการม้วนที่ต่างกันและขอบด้านหนึ่งจะหักเป็นมุมแผ่นใบม่านนี้จะสอดสวมเข้าด้วยกันในลักษณะสามารถยืด ออกและพับได้” ส่วนจำเลยที่ ๒ ได้ยื่นคำขอรับสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ เลขที่คำขอ ๑๐๖๙ โดยระบุข้อถือสิทธิว่า “ขอถือสิทธิในแบบผลิตภัณฑ์ซึ่งได้แก่รูปร่างลักษณะของใบม่านบังตาสำหรับประตูเหล็กยืดตามที่ปรากฏในภาพแสดง แบบผลิตภัณฑ์” โดยได้ยื่นคำขอไว้เมื่อวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๒๕ จำเลยที่ ๕ ซึ่งมีจำเลยที่ ๖ ถึงที่ ๘ เป็นกรรมการได้ร่วมกันผลิตม่านเหล็กตามสิทธิบัติเลขที่ ๒๖๑ ของโจทก์และจำเลยที่ ๑ ซึ่งมีจำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๔ เป็นกรรมการได้ร่วมกันขายผลิตภัณฑ์ม่านเหล็กที่จำเลยที่ ๕ ผลิตม่านเหล็กที่จำเลยทั้งแปดร่วมกันผลิตและขายเหมือนกับม่านเหล็กตามสิทธิบัตรเลขที่ ๒๖๑ ของโจทก์ จะมีความแตกต่างกันก็ตรงที่ว่า การม้วนขอบใบม่านของโจทก์มีการหักเป็นมุมฉากก่อนที่จะม้วนเป็นก้นหอย ส่วนของจำเลยไม่มีการหักมุมก่อนที่จะม้วนเป็นวงกลม ปลายอีกข้างหนึ่งของโจทก์ม้วนเป็นรูปก้นหอย ส่วนของจำเลยม้วนเป็นวงกลมลอนและแบบบนใบม่านของโจทก์หยักขึ้นเป็นมุมแหลม ส่วนของจำเลยหยักขึ้นเป็นรูปโค้ง คดีคงมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยทั้งแปดมีมูลเป็นความผิดอาญาตามฟ้องโจทก์หรือไม่
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ปรากฏตามคำฟ้องของโจทก์ว่าโจทก์มุ่งประสงค์จะให้ลงโทษจำเลยทั้งแปดฐานร่วมกันผลิตผลิตภัณฑ์ม่านเหล็กบังตาหรือใช้กรรมวิธีตามสิทธิบัตรเลขที่ ๒๖๑ ของโจทก์ โดยไม่มีสิทธิตามกฎหมาย และได้ร่วมกันขายหรือมีไว้เพื่อขายซึ่งผลิตภัณฑ์ม่านเหล็กบังตาที่ผลิตหรือใช้กรรมวิธีตามสิทธิบัตรเลขที่ ๒๖๑ ของโจทก์ ตามพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา ๘๕, ๘๖, ๘๘ และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓, ๘๓, ๘๔, ๙๑ เมื่อโจทก์แสดงหลักฐานว่าโจทก์แต่ผู้เดียวเท่านั้น ที่ได้รับสิทธิบัตรการประดิษฐ์ม่านเหล็กบังตาชนิดติดกับประตูเหล็ก แบบยืดและพับได้ปรากฏตามสิทธิบัตรเลขที่ ๒๖๑ ซึ่งสิทธิบัตรการประดิษฐ์นี้ตามมาตรา ๓๖ ของพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ.๒๕๒ ผู้ทรงสิทธิบัตรเท่านั้นมีสิทธิผลิตผลิตภัณฑ์หรือใช้กรรมวิธีตามสิทธิบัตร หรือขายหรือมีไว้เพื่อขายซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ผลิตหรือใช้กรรมวิธีดังกล่าว สำหรับจำเลยที่ ๒ เพียงแต่ยื่นคำขอรับสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ซึ่งคุ้มครองเฉพาะการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่ออุตสาหกรรมและหัตถกรรมเท่านั้นจำเลยที่ ๒ ยังมิได้เป็นผู้ทรงสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ตามที่ได้ยื่นคำขอไว้จึงยังไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ตามมาตรา ๖๓ ของพระราชบัญญัติดังกล่าว และการกระทำของจำเลยในคดีนี้ก็เป็นเรื่องของการประดิษฐ์ ซึ่งผลิตภัณฑ์ม่านเหล็กบังตาชนิดติดกับประตูเหล็กแบบยืดและพับได้ของจำเลยตามที่โจทก์ฟ้องและนำสืบในชั้นนี้ ส่วนใหญ่แล้วก็มีลักษณะเป็นอย่างเดียวกับผลิตภัณฑ์ที่ผลิตหรือใช้กรรมวิธีตามสิทธิบัตรการประดิษฐ์เลขที่ ๒๖๑ ของโจทก์ มีข้อแตกต่างเพียงรายละเอียดปลีกย่อยเช่นการม้วน ลักษณะของการม้วนลอนและแบบบนใบม่าน ข้อแตกต่างปลีกย่อยเพียงเท่านี้ยังไม่พอที่จะให้ถือว่าการกระทำของจำเลยไม่มีมูลความผิดทางอาญาตามฟ้อง จำเลยที่ ๑ เป็นนิติบุคคล เป็นผู้ขายหรือมีไว้เพื่อขายซึ่งผลิตภัณฑ์ที่จำเลยที่ ๕ นิติบุคคล ผลิตหรือประดิษฐ์ขึ้นดังกล่าวแล้ว ส่วนจำเลยนอกนั้นเป็นกรรมการซึ่งหากจำเลยที่ ๑ และที่ ๕ กระทำความผิดตามฟ้องก็อาจจะเป็นผู้กระทำความผิดได้ตามมาตรา ๘๘ ของพระราชบัญญัติดังกล่าวคดีของโจทก์จึงมีมูลความผิดตามฟ้อง
พิพากษากลับ ให้ประทับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณา