แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้บังคับบัญชาสั่งให้จำเลยสืบจับผู้ลักเล่นการพะนันจำเลยจะจับใครย่อมอยู่ในความรับผิดชอบของจำเลยเมื่อปรากฎว่า จำเลยแกล้งจับโจทก์ซึ่งมิได้เป็นผู้เล่นการพะนัน จำเลยก็ต้องมีความผิด จะอ้างคำสั่งผู้บังคับบัญชามาเป็นข้อยกเว้นโทษไม่ได้
ตำรวจแกล้งจับคนโดยไม่มีความผิด โดยมีอาวุธไปด้วย ต้องลงโทษตามมาตรา 268 ซึ่งเป็นบทหนัก
ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยต่ำกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด ถ้าโจทก์ไม่ฎีกา ศาลฎีกาไม่แก้กำหนดโทษ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยสมคบกันทำร้ายร่างกายโจทก์บาดเจ็บ แล้วแกล้งจับโทษหาว่าลักเล่นการพะนัน ทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพ ขอให้ลงโทษ จำเลยปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำผิด และว่าได้จับกุมโจทก์ตามหน้าที่อันชอบด้วยกฎหมาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายกะทงเดียว นอกนั้นยก
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยจับโจทก์โดยไม่มีหมายจับและได้ไปจับในที่ระโหฐานในเวลาค่ำคืน เป็นการผิดต่อประมวลวิธีพิจารณาความอาญา ข้อที่ว่าไม่ได้แกล้งจับโจทก์หรือทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา ไม่เป็นข้อแก้ตัวให้พ้นผิดไปได้ จึงให้ลงโทษฐานทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพอีกกะทงหนึ่ง จำเลยฎีกาฉะเพาะปัญหาข้อกฎหมายที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษฐานทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพว่าได้กระทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาควรได้รับยกเว้นอาญา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีปรากฎเพียงว่าผู้บังคับบัญชาสั่งให้จำเลยจับผู้เล่นการพะนันที่หลบหนี ไม่ได้สั่งให้จับโจทก์ ใครเป็นผู้เล่นการกะนันหรือไม่ จึงตกอยู่ในความรับผิดชอบของจำเลย เมื่อจำเลยเป็นผู้จับโจทก์ซึ่งมิได้เป็นผู้เล่นการพะนัน จำเลยอ้างคำสั่งมาเป็นข้อยกเว้นโทษหาได้ไม่ฟ้องฎีกาของจำเลยจึงฟังไม่ได้ ศาลอุทธรณ์ได้ปรับจำเลยต่ำกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้เป็นผลดีแก่จำเลยแล้ว ศาลฎีกาคงพิพากษายืน