คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 506/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประมวลรัษฎากร มาตรา 118 บัญญัติเพียงว่า ตราสารใดที่ไม่ปิดแสตมป์ครบจำนวนและได้ขีดฆ่าแล้วจะใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ ไม่ได้บังคับถึงเวลาทีปิดหรือบุคคลผู้ปิดและขีดฆ่า
ศาลกำหนดให้โจทก์มีหน้าที่นำสืบ พยานโจทก์จำเลยไม่มาศาล ถือว่า จำเลยขาดนัดพิจารณาความประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 197 วรรค 2 และมาตรา 202

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยยืมเงินโจกทืไปแล้วไม่ใช้ให้ ขอให้บังคับจำเลยใช้เงินและดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า ไม่ได้ยืมเงินโจทก์ ไม่ได้ทำเอกสารท้ายฟ้องให้โจทก์จำเลนเคยยืมเงินบุตรเขยโจทก์แต่ก็ใช้แล้ว ถ้าหลักฐานที่โจทก์ นำมาฟ้องเป็นของจำเลยจริง ก็ไม่มีผลผูกพันตามกฎหมายแล้ว
ศาลชั้นต้นกำหนดให้โจทก์มีหน้าที่นำสืบ ถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยขาดนัดพิจารณาโจทก์นำพยาน เข้าสืบไปฝ่ายเดียว แล้วศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีจำเลยขอให้พิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์ ว่า ที่ศาลพิจารณาคดีโจทก์ไปฝ่ายเดียว โดยยังไม่มีการสืบพยานจำเลยนั้น ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๐๒, ๒๐๕ และว่าโจทก์กับพวกปิดอากรแสตมป์ในสัญญาและขีดฆ่ากันเองในภายหลังใช้เป็นหลักฐานไม่าได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา ๑๑๘ ขอให้ยกฟ้อง หรือย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาใหม่
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาในประเด็น ๒ ข้อ ที่อุทธรณ์นั้นอีก
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑ (๑๐) วิเคราะห์ศัพท์คำว่า วันสืบพยาน ว่า หมายถึงวันที่ศาลเริ่มต้นทำการสืบพยาน เมื่อจำเลยไม่มาศาลในวันเริ่มต้นทำการสืบพยาน ก็ได้ชื่อว่าขาดนัดพิจารณาตามมาตรา ๑๙๗ (๒) และ ๒๐๒
ตามประมวลรัษฎากร มาตรา ๑๑๘ บัญญัติเพียงว่า ตราสารใดที่ไม่ปิดแสตมป์ครบจำนวนและได้ขีดฆ่าแล้วจะใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ ไม่ได้บังคับถึงเวลาทีปิดหรือบุคคลผู้ปิดและขีดฆ่า เอกสารที่โจทก์นำมาฟ้องได้ปิดแสตมป์ครบจำนวนและขีดฆ่าแล้ว จึงรับฟังได้
พิพากษายืน

Share