คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 497/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลฟ้องขับไล่ในชั้นบังคับคดี ศาลชั้นต้นแนะนำว่าโจทก์ควรดำเนินคดีกับผู้ร้องใหม่เพราะเลขบ้านเป็นคนละเลขกับที่โจทก์ฟ้องในคดีนี้ โจทก์แถลงว่าเห็นด้วยและไม่ติดใจบังคับคดีสำหรับผู้ร้องทั้ง 5 คน โดยโจทก์จะดำเนินการฟ้องร้องเป็นคดีขึ้นต่างหาก โจทก์ขอถอนการบังคับคดีศาลอนุญาต แม้โจทก์ยอมรับจะทำดังนั้น หาใช่เป็นการสละสิทธิไม่บังคับคดีไม่โจทก์ยังต้องการที่จะให้ผู้เช่าหรือผู้อยู่ในสิ่งปลูกสร้างของจำเลยออกไป เพื่อจำเลยจะได้รื้อออกไปจากที่ดินของโจทก์ตามคำบังคับ เป็นแต่ว่าจะหาวิธีบังคับในคดีนี้ได้หรือว่าจะต้องฟ้องใหม่เมื่อโจทก์เห็นว่ายังมีทางบังคับในคดีนี้ได้ โจทก์ย่อมขอให้บังคับคดีในคดีนี้ได้อีก เพราะตราบใดที่จำเลยและบริวารยังอยู่บนที่ดินของโจทก์ ยังมิได้ปฏิบัติตามคำบังคับโจทก์ย่อมขอให้ศาลบังคับคดีได้ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด แม้จะร้องขอให้บังคับคดีมาแล้วไม่เป็นผลก็ขอให้บังคับคดีใหม่ได้

ย่อยาว

คดีนี้ เดิมโจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่ดินที่จำเลยเช่าจากโจทก์ คือ ที่ดินโฉนดที่ 1733 ตำบลมหาพฤฒาราม อำเภอบางรัก จังหวัดพระนคร และเรียกเงินที่ค้างค่าเช่า

จำเลยต่อสู้ว่าได้ใช้ที่เช่าปลูกบ้านอยู่อาศัยและมิได้ผิดนัดชำระราคาค่าเช่า

ถึงวันนัดชี้สองสถาน โจทก์ จำเลยตกลงกันได้และได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน ศาลได้พิพากษาตามยอมและคดีถึงที่สุดแล้ว

ต่อมามีบริวารอีก 5 รายไม่ยอมออก ศาลหมายเรียกมาสอบถามทั้ง5 รายร้องว่าตนมิใช่บริวาร ศาลจึงนัดไต่สวน

ในวันนัดไต่สวน ศาลชั้นต้นแนะนำว่า โจทก์ควรดำเนินคดีกับผู้ร้องใหม่ เพราะเลขบ้านเป็นคนละเลขกับที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ โจทก์แถลงว่าเห็นด้วย และไม่ติดใจบังคับคดี สำหรับผู้ร้องทั้ง 5 คนในบ้านเลขที่ 99, 107 และ 113 โดยโจทก์จะดำเนินการฟ้องร้องเป็นคดีกันขึ้นต่างหาก โจทก์ขอถอนการบังคับคดี ศาลอนุญาต

ครั้นต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องว่าตามรายงานของศาลที่โจทก์จะดำเนินคดีฟ้องผู้ร้องทั้ง 5 คนในบ้านเลขที่ 99, 107 และ 113 เป็นคดีต่างหาก จึงขอถอนการบังคับคดีเสียนั้น ต่อมาทนายโจทก์ได้สอบถามข้อเท็จจริงและตรวจสำนวนปรากฏว่าฟ้องของโจทก์มิได้ขอให้จำเลยและบริวารออกจากบ้านเลขที่ 115 ถนนมหาพฤฒาราม แต่ขอให้จำเลยและบริวารออกจากที่ดินโฉนดที่ 1733 ตำบลมหาพฤฒาราม ส่วนบ้านเลขที่ 115 ดังกล่าวเป็นที่อยู่ของจำเลยในขณะยื่นฟ้องเท่านั้น บ้านจะเป็นเลขที่เท่าใดก็ตาม ที่ปลูกสร้างบนที่ดินที่เช่ารายนี้ย่อมเป็นของจำเลยที่ก่อสร้างขึ้น บรรดาผู้อยู่ในบ้านดังกล่าวก็ย่อมตกเป็นบริวารเหตุที่โจทก์ยอมตามคำแนะนำของศาลเพราะโจทก์หลงผิดจึงขอให้เรียกผู้ร้องทั้ง 5 คนนี้มาสอบถามและดำเนินการบังคับคดีในฐานะบริวารจำเลยต่อไป

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า เมื่อโจทก์ขอถอนการบังคับคดีกับบุคคลทั้ง 5 ไปแล้วเพื่อจะไปฟ้องร้องเป็นคดีต่างหาก จะมาขอบังคับคดีใหม่อีกไม่ได้ ให้ยกคำร้องเสีย

โจทก์อุทธรณ์คำสั่งว่า ในชั้นบังคับคดี โจทก์จะถอนคำร้องชั่วคราวงดการบังคับชั่วคราวได้ภายในอายุความการบังคับคดี หาทำให้ผลของคำพิพากษาเปลี่ยนแปลงไปไม่ เมื่อโจทก์ขอบังคับตามคำพิพากษา ชอบที่จะดำเนินการบังคับคดีตามที่โจทก์ร้องขอได้

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความว่าจำเลยและบริวารยอมออกและรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินของโจทก์ ศาลได้พิพากษาตามยอม คดีถึงที่สุด คำพิพากษาตามยอมย่อมผูกพันบริวารของจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(1) และ 145 วรรค 2 คือ บังคับตลอดถึงวงศ์ญาติทั้งหลายและบริวารของจำเลยที่อยู่บนที่ดินโฉนดที่ 1733 ซึ่งไม่สามารถแสดงอำนาจพิเศษให้ศาลเห็นได้ โจทก์ได้ขอบังคับคดีให้จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์ การที่ผู้ร้องทั้ง 5 อ้างว่าอยู่ในอาคารหมายเลขใดก็ดี หรือเหตุที่ยกขึ้นอ้างในการอยู่ในอาคารนั้น เพราะเหตุใดก็ดี ศาลชั้นต้นซึ่งดำเนินการบังคับคดีจะต้องไต่สวนให้ได้ความว่าผู้ร้องได้อยู่บนที่ดินของโจทก์ที่ศาลพิพากษาให้ออกไปนี้หรือไม่ และแสดงอำนาจพิเศษได้หรือไม่ การที่ศาลแนะนำให้โจทก์ไปฟ้องเป็นคดีใหม่เพราะเหตุเลขบ้านต่างกัน แม้โจทก์ยอมรับจะทำดังนั้นหาใช่เป็นการสละสิทธิไม่บังคับคดีดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไม่โจทก์ยังต้องการที่จะให้ผู้เช่าหรือผู้อยู่ในสิ่งปลูกสร้างของจำเลยออกไป เพื่อจำเลยจะได้รื้อออกไปจากที่ดินของโจทก์ตามคำบังคับเป็นแต่ว่าจะหาวิธีบังคับในคดีนี้ได้หรือจะต้องฟ้องใหม่ เมื่อโจทก์เห็นว่ายังมีทางบังคับในคดีนี้ได้ โจทก์ย่อมขอให้บังคับคดีในคดีนี้ได้อีก เพราะตราบใดที่จำเลยและบริวารยังอยู่บนที่ดินของโจทก์ยังมิได้ปฏิบัติตามคำบังคับ โจทก์ย่อมขอให้ศาลบังคับคดีได้ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด แม้จะร้องขอให้ศาลบังคับคดีมาแล้วไม่เป็นผลก็ขอให้บังคับคดีใหม่ได้ ศาลฎีกาได้วินิจฉัยไว้แล้วในคำพิพากษาฎีกาที่ 1044/2507 ระหว่างนายสละ โยธาสมุทร กับพวก โจทก์นายวรสิงห์ ฟูตระกูล กับพวก จำเลย โดยหลักเดียวกัน โจทก์เคยแถลงไว้ว่าจะฟ้องผู้ร้องทั้ง 5 คนเป็นคดีใหม่ เพื่อให้ออกไปจากที่พิพาทเมื่อคำพิพากษาในคดีนี้มีทางบังคับได้แล้ว โจทก์ก็ไม่จำต้องไปฟ้องอาจกลับมาใช้วิธีบังคับคดีในคดีนี้อีกได้ ฎีกาโจทก์ฟังขึ้นพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาที่โจทก์ขอบังคับคดีแก่ผู้ร้องทั้ง 5 ต่อไป

Share