แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ยักยอกเอาเงินหลวงไปใช้แล้วลงลายมือชื่อผู้ที่ควรได้รับเงินปลอม
ย่อยาว
ได้ความว่า ย. เปนเจ้าพนักงานมีน่าที่เบิกเงินส่วนลดภาษีอากรประเภทค่ารัชชูปการมาจ่ายให้แก่ผู้ที่ควรได้รับ เมื่อย. เบิกมาจากคลังแล้วได้จ่ายให้แก่ผู้ควรได้รับไปบ้าง ส่วนเงินที่เหลืออยู่ ย. หาได้เก็บรวมไว้กับเงินหลวงไม่กลับเอาไปใช้เปนประโยชน์ส่วนตัวเสีย ครั้นคลังเร่งให้ส่งใบสำคัญ ย. ให้ น. ลงลายมือปลอมชื่อผู้ที่ได้รับเงินแล้วส่งคลัง ครั้นเจ้าพนักงานทราบเหตุจึงไต่สวน ย. ๆ จึงนำเงินที่ขาดมามอบให้เจ้าน่าที่ไต่สวนดังนี้
ศาลเดิมตัดสินว่า ย. มีผิดตาม ม. ๒๒๕ แล ๑๓๑ ให้ จำคุก ๓ ปี ๓ เดือน ลดฐานปราณีย์กึ่งหนึ่งคงจำคุก ๑๙ เดือน ๑๕ วันกับให้ใช้เงิน ๑๒ บาท ๔๐ สตางค์ที่ขาดอยู่
ศาลอุทธรณ์แก้ว่า ข้อที่หาว่าปลอมหนังสือนั้น การกระทำของ ย. ได้ทำไปโดยโง่เขลามิได้มีเจตนาทุจจริตจึงไม่ควรมีผิดส่วนข้อหาฐานยักยอกนั้น ย. ให้การรับสารภาพจึงให้จำคุก ๘ เดือนตาม ม. ๑๓๑ แลลดปราณีย์เสียกึ่งหนึ่งคงจำคุก ๔ เดือน
โจทก์ฎีกาว่า ย. ควรมีผิดตาม ม. ๒๒๙
ฎีกาตัดสินแก้ ศาลอุทธรณ์ว่า ย. มีผิดตาม ม. ๒๒๙ ที่ ศาลอุทธรณ์ฟังว่าการกระทำของ จำเลยได้กระทำไปโดยโง่เขลามิได้มีเจตนาทุจจริตนั้นฟังไม่ได้ จึงให้จำคุกจำเลย ๕ ปี ลดปราณีย์เสียกึ่งหนึ่งคงให้จำคุก ๒ ปี ๖ เดือนนอกนั้นยืนตามศาลอุทธรณ์