คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4963/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเพียงแต่ทำสัญญาเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันกับธนาคารสาขาของโจทก์ จึงไม่ใช่เรื่องทำสัญญาบัญชีเดินสะพัดต่อกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 856 และถือไม่ได้ว่าเป็นการค้าอย่างอื่นในทำนองเช่นว่านั้น ตามข้อตกลงในคำขอเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน เอกสารหมาย จ.5 ข้อ 13,14 ที่ว่าถ้าธนาคารจ่ายเงินตามเช็คให้เกินจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีของผู้ฝากไป ผู้ฝากยอมใช้เงินส่วนที่ธนาคารได้จ่ายเงินเกินบัญชีนั้นให้ธนาคารพร้อมทั้งดอกเบี้ยในอัตราสูงสุดเท่าที่กฎหมายอนุญาต นับแต่วันที่เบิกเกินจนถึงวันที่ชำระหนี้เงินเบิกเกินคืน ก็มิได้มีข้อตกลงให้เรียกดอกเบี้ยทบต้นได้ กับทั้งไม่ใช่เรื่องกู้ยืมเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 654 แต่เป็นเรื่องของธนาคารโจทก์ได้จ่ายเงินตามคำสั่งของจำเลยผู้ออกเช็คเกินกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีซึ่งมาตรา 991 มิได้บังคับโดยเด็ดขาดมิให้ธนาคารจ่ายเงินเกินบัญชีของผู้เคยค้าและตามเงื่อนไขคำขอเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันดังกล่าวก็ให้ธนาคารโจทก์มีอำนาจจ่ายเงินตามเช็คให้จำเลยเกินจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีได้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยทบต้นจากจำเลย ส่วนโจทก์มีสิทธิคิดดอกเบี้ยจากจำเลยในอัตราเท่าใดนั้น จำเลยไม่ได้ฎีกาในเรื่องอัตราดอกเบี้ยกลับรับในฎีกาว่าขอเสียดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จำเลยจึงต้องรับผิดใช้ดอกเบี้ยแก่โจทก์ในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่ 17เมษายน 2529 ซึ่งเป็นวันผิดนัดโดยไม่ทบต้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นลูกค้าของโจทก์ เมื่อวันที่ 10 มกราคม2529 จำเลยทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีกับโจทก์ โดยมีข้อตกลงว่า หากจำเลยเบิกเงินเกินบัญชีจำเลยจะนำเงินเข้าบัญชีเพื่อหักทอนบัญชีต่อไปทุกวันสิ้นเดือน จำเลยยอมเสียดอกเบี้ยสำหรับจำนวนเงินที่เบิกเกินบัญชีในอัตราร้อยละ 17 ต่อปี กำหนดชำระดอกเบี้ยเป็นรายเดือนถ้าไม่ชำระยอมให้นำดอกเบี้ยที่ค้างชำระทบเข้ากับจำนวนเงินที่เบิกเกินบัญชีเป็นยอดเงินที่จะต้องเสียดอกเบี้ยแก่โจทก์จนกว่าโจทก์หรือจำเลยจะบอกเลิกสัญญา ต่อมาโจทก์ลดอัตราดอกเบี้ยลงเหลือร้อยละ 15 ต่อปีนับแต่วันที่ 5 มีนาคม 2529 เป็นต้นไป จำเลยได้ใช้เช็คเบิกเงินเกินบัญชีไปจากโจทก์หลายครั้งและจำเลยได้นำเงินเข้าบัญชีเพื่อหักทอนบัญชีตลอดมาจนถึงเดือนเมษายน 2529 จำเลยก็ไม่ได้เบิกเงินเกินบัญชีหรือนำเงินเข้าบัญชีเพื่อหักทอนบัญชีอีก และไม่ได้บอกเลิกสัญญา ต่อมาโจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยเบิกเงินเกินบัญชีต่อไปจึงได้บอกเลิกสัญญาและทวงถามให้จำเลยชำระหนี้พร้อมดอกเบี้ยให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2532 ซึ่งเป็นวันผิดนัดเป็นเงิน 1,141,743.75 บาท และดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันผิดนัดถึงวันฟ้องอีกจำนวน 20,645.23 บาทรวมเป็นต้นเงินและดอกเบี้ย 1,162,388.98 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ในต้นเงิน1,141,743.75 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยเป็นหนี้โจทก์จำนวน1,141,743.75 บาท ตามฟ้อง จำเลยเป็นหนี้โจทก์ในวันที่ 17 เมษายน2529 เพียง 40,687.70 บาท แล้วจำเลยไม่เคยเบิกเงินจากโจทก์อีกเลย โจทก์มีสิทธิคิดดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี จากต้นเงิน40,687.70 บาท นับแต่วันที่ 17 เมษายน 2529 ถึงวันที่ 1 กุมภาพันธ์2532 อันเป็นวันสัญญาบัญชีเดินสะพัดสิ้นสุดลง หลังจากนั้นโจทก์คิดดอกเบี้ยได้ไม่เกินร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 40,687.70 บาทขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน40,687.70 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี จากต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 1 เมษายน 2529 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ คำขออื่นให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินจำนวน1,141,743.75 บาท ให้แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2532 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ แต่ดอกเบี้ยถึงวันฟ้องให้คิดได้ไม่เกิน 20,645.23 บาท
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยเพียงแต่ทำสัญญาเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันกับธนาคารสาขาของโจทก์ จึงไม่ใช่เรื่องทำสัญญาบัญชีเดินสะพัดต่อกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 856 และถือไม่ได้ว่าเป็นการค้าอย่างอื่นในทำนองเช่นว่านั้น ตามข้อตกลงในคำขอเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน เอกสารหมาย จ.5 ข้อ 13, 14ที่ว่า ถ้าธนาคารจ่ายเงินตามเช็คให้เกินจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีของผู้ฝากไป ผู้ฝากยอมใช้เงินส่วนที่ธนาคารได้จ่ายเงินเกินบัญชีนั้นให้ธนาคารพร้อมทั้งดอกเบี้ยในอัตราสูงสุดเท่าที่กฎหมายอนุญาตนับแต่วันที่เบิกเกินจนถึงวันที่ชำระหนี้เงินเบิกเกินคืน ก็มิได้มีข้อตกลงให้เรียกดอกเบี้ยทบต้นได้ กับทั้งไม่ใช่เรื่องกู้ยืมเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 654 แต่เป็นเรื่องของธนาคารโจทก์ได้จ่ายเงินตามคำสั่งของจำเลยผู้ออกเช็คเกินกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีซึ่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 991 มิได้บังคับโดยเด็ดขาดมิให้ธนาคารจ่ายเงินเกินบัญชีของผู้เคยค้าและตามเงื่อนไขคำขอเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันดังกล่าวก็ให้ธนาคารโจทก์มีอำนาจจ่ายเงินตามเช็คให้จำเลยเกินจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีได้โจทก์จึงไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยทบต้นจากจำเลยส่วนโจทก์มีสิทธิคิดดอกเบี้ยจากจำเลยโดยไม่ทบต้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 740,687.70 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันที่ 17 เมษายน 2529เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share