แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำท้ามีว่าหาก ส.เบิกความว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์จำเลยยอมแพ้ หาก ส.เบิกความว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยโจทก์ยอมแพ้ แต่คำเบิกความของ ส. มิได้เบิกความว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือจำเลย จึงรับฟังไม่ได้ว่าส.เบิกความตรงตามคำท้าแล้ว ศาลย่อมไม่อาจวินิจฉัยชี้ขาดให้เป็นไปตามคำท้าของโจทก์จำเลยดังกล่าวได้ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีโดยถือเอาข้อเท็จจริงอื่นซึ่งไม่ได้อยู่ในข้อท้าของคู่ความมาวินิจฉัยนั้น ย่อมเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นที่คู่ความท้ากัน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดิน น.ส.3 เลขที่ 85 ต่อมาวันที่ 19 มกราคม 2536 โจทก์ยื่นคำขอรังวัดออกโฉนดที่ดิน แล้วในวันรังวัดจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินข้างเคียงคัดค้านการออกโฉนดที่ดินของโจทก์โดยอ้างว่าโจทก์รังวัดทับที่ดินที่จำเลยครอบครอง 3 4/10 ตารางวา ตามแผนที่เอกสารหมายเลข 2 การกระทำของจำเลยถือว่าเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ ทำให้โจทก์ไม่สามารถรังวัดออกโฉนดที่ดินได้ ขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนหลักไม้ รั้วพร้อมสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดิน น.ส.3 เลขที่ 85 และห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้องกับที่ดินของโจทก์อีก
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่ได้เป็นเจ้าของที่ดิน น.ส.3 เลขที่ 85จำเลยครอบครองที่ดินตามแผนที่เอกสารหมายเลข 2 โดยสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ โจทก์ไม่ได้ฟ้องคดีภายในกำหนด 1 ปีจึงหมดสิทธิฟ้องร้องฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง
หลังจากสืบพยานโจทก์ได้ 3 ปาก โจทก์และจำเลยท้ากันว่าหากนายสฤษดิ์ จันย่อม เบิกความว่า ที่พิพาทเนื้อที่ 3 4/10 ตารางวา เป็นของโจทก์จำเลยยอมแพ้และให้ศาลพิพากษาไปตามนั้นแต่หากเบิกความว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลย โจทก์ยอมแพ้และยอมให้ศาลพิพากษายกฟ้อง ฝ่ายที่แพ้คดีจะไม่เข้ายุ่งเกี่ยวในที่พิพาทอีกนับตั้งแต่ศาลมีคำพิพากษา และยอมสละประเด็นข้อพิพาทอื่นทั้งหมด
ต่อมานายสฤษดิ์ จันย่อง พยานตามคำท้าได้เบิกความว่า พยานเป็นผู้ขายที่ดินของนางสาวกอบกุล จันย่อง ซึ่งเป็นน้องของพยานตามเนื้อที่ดินที่ระบุไว้ใน น.ส.3 ให้แก่จำเลย ในราคา 120,000 บาทขณะนั้นที่ดินเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ปัจจุบันที่ดินของจำเลยเป็นที่ดินมีโฉนด ส่วนที่ดินที่โจทก์ซื้อมาจากนางสาวกอบกุลเป็นที่ดินสี่เหลี่ยมจัตุรัส
หลังจากสืบพยานปากนายสฤษดิ์ จันย่อง เสร็จสิ้นแล้วโจทก์แถลงไม่ติดใจสืบพยานอีก จำเลยแถลงขอสืบพยานในประเด็นที่อ้างว่าได้แย่งการครอบครอง แต่ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยได้สละประเด็นพิพาทเรื่องการแย่งการครอบครองตามคำท้า ทั้งนายสฤษดิ์ได้เบิกความยืนยันตามคำท้า คดีพอวินิจฉัยได้แล้วจึงให้งดสืบพยานจำเลย แล้วพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนหลักไม้ รั้ว พร้อมทั้งสิ่งปลูกสร้างออกจากที่พิพาทเนื้อที่ 3 4/10 ตารางวา ตามที่ดิน น.ส.3 เลขที่ 85 และห้ามจำเลยเข้าไปเกี่ยวข้องในที่พิพาทอีก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายกคำพิพากษาของศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาพิพากษาใหม่ โดยเริ่มแต่คดีอยู่ระหว่างสืบพยานของโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ประเด็นที่ต้องวินิจฉัยมีว่านายสฤษดิ์ จันย่อง เบิกความตรงตามคำท้ายของคู่ความหรือไม่โจทก์ฎีกาว่า ที่นายสฤษดิ์ จันย่อง เบิกความว่า “พยานขายที่ดินของนางสาวกอบกุล จันย่อง ตามเนื้อที่ที่ระบุใน น.ส.3 ให้กับจำเลยในราคา 120,000 บาท ขณะนั้นที่ดินเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ส่วนที่ดินของโจทก์ซื้อมาจากนางสาวกอบกุลเป็นที่ดินสี่เหลี่ยมจัตุรัสปัจจุบันที่ดินของจำเลยเป็นที่ดินมีโฉนด” นั้น พอแปลความได้ว่านายสฤษดิ์ได้เบิกความตามคำท้าของคู่ความว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์แล้ว เห็นว่าตามคำเบิกความของนายสฤษดิ์ดังกล่าวไม่ตรงตามคำท้าเพราะคำท้ามีว่าหากนายสฤษดิ์ เบิกความตามคำท้าของคู่ความว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์แล้ว เห็นว่าตามคำเบิกความว่าที่พิพาทตามเอกสารหมาย จ.1 เนื้อที่ 3 4/10 ตารางวา เป็นของโจทก์จำเลยยอมแพ้ หากนายสฤษดิ์เบิกความว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย โจทก์ยอมแพ้แต่คำเบิกความดังกล่าวไม่ได้เป็นการเบิกความว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือจำเลย การที่จะให้แปลความคำเบิกความดังกล่าวเป็นว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์นั้นย่อมไม่ถูกต้อง เมื่อรับฟังไม่ได้ว่านายสฤษดิ์ เบิกความตรงตามคำท้าแล้ว ศาลย่อมไม่อาจวินิจฉัยชี้ขาดให้เป็นไปตามคำท้าของโจทก์จำเลยดังกล่าวได้ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีโดยถือเอาข้อเท็จจริงอื่นซึ่งไม่ได้อยู่ในข้อท้าของคู่ความมาวินิจฉัยนั้น ย่อมเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นที่คู่ความท้ากัน ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาพิพากษาใหม่เริ่มแต่คดีอยู่ระหว่างสืบพยานของโจทก์จึงชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน