แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
หากเป็นความจริงตามคำร้องของจำเลยที่ว่า จำเลยได้รับสำเนาคำพิพากษาศาลแรงงานเมื่อล่วงเลยกำหนดเวลายื่นอุทธรณ์แล้ว จำเลยก็ไม่อาจยื่นอุทธรณ์ได้ กรณีถือได้ว่ามีความจำเป็นและเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมที่ศาลแรงงานจะพึงขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ให้แก่จำเลย
ศาลแรงงานไต่สวนพยานหลักฐานของจำเลยแล้วข้อเท็จจริงฟังได้ตามคำร้องของจำเลยว่าจำเลยได้รับสำเนาคำพิพากษาศาลแรงงานเมื่อล่วงเลยกำหนดยื่นอุทธรณ์แล้ว ซึ่งศาลฎีกาได้วินิจฉัยไว้แล้วว่าหากข้อเท็จจริงฟังได้ดังกล่าวกรณีถือได้ว่ามีความจำเป็น และเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมที่ศาลแรงงานจะพึงขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ให้แก่จำเลย ศาลแรงงานจึงชอบจะมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ให้แก่จำเลยตามคำพิพากษาศาลฎีกาการที่ศาลแรงงานมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยดังกล่าวโดยอ้างว่าจำเลยเข้าใจเรื่องระยะเวลายื่นอุทธรณ์คดีแรงงานผิดพลาด หากขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ให้จำเลยย่อมไม่เป็นธรรมแก่โจทก์ เป็นการไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลฎีกา จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ แต่เพื่อความสะดวกรวดเร็ว ศาลฎีกาเห็นสมควรสั่งคำร้องขอขยายเวลายื่นอุทธรณ์ของจำเลยเสียเองโดยไม่ย้อนสำนวนไปให้ศาลแรงงานสั่งใหม่
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องจากวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๔๑ ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน ๑๒๐,๐๐๐ บาท แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ ๒ ยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๑ ขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ออกไป ๒๐ วัน นับแต่วันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๔๑ ซึ่งเป็นวันครบกำหนดอุทธรณ์โดยอ้างเหตุว่า จำเลยที่ ๒ ยื่นคำแถลงขอคัดคำพิพากษาศาลแรงงานกลางตั้งแต่วันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๔๑ แต่เจ้าหน้าที่ศาลแจ้งเหตุขัดข้องว่ายังพิมพ์คำพิพากษาไม่เสร็จ จำเลยที่ ๒ เพิ่งได้รับสำเนาคำพิพากษาเมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๔๑เป็นเวลาล่วงเลยกำหนดที่จำเลยที่ ๒ จะยื่นอุทธรณ์แล้ว ขอให้ขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์แก่จำเลยที่ ๒
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า จำเลยที่ ๒ ทราบผลของคำพิพากษาแล้วจำเลยที่ ๒ ปล่อยให้ระยะเวลายื่นอุทธรณ์ล่วงพ้นไป แล้วมาขอขยายระยะเวลาในภายหลัง เป็นการดำเนินคดีตามอำเภอใจ ขอให้ยกคำร้อง
ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งยกคำร้อง
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า หากข้อความตามคำร้องของจำเลยที่ ๒ ที่ว่าจำเลยที่ ๒ ได้รับสำเนาคำพิพากษาศาลแรงงานกลางเมื่อล่วงเลยกำหนดเวลายื่นอุทธรณ์แล้วเป็นความจริง จำเลยที่ ๒ ก็ไม่อาจยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้ทราบคำพิพากษานั้น กรณีถือได้ว่ามีความจำเป็นและเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมที่ศาลแรงงานกลางจะพึงขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ให้แก่จำเลยที่ ๒พิพากษายกคำสั่งศาลแรงงานกลางลงวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๑ ให้ศาลแรงงานกลางไต่สวนคำร้องของจำเลยที่ ๒ ฉบับลงวันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๑ แล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี
ศาลแรงงานกลางไต่สวนพยานหลักฐานของจำเลยที่ ๒ โดยโจทก์ไม่ติดใจนำพยานเข้าสืบคัดค้านแล้วฟังข้อเท็จจริงว่า ศาลแรงงานกลางอ่านคำพิพากษาคดีนี้เมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๔๑ จำเลยที่ ๒ มาฟังคำพิพากษา วันรุ่งขึ้นได้ยื่นคำแถลงขอคัดคำพิพากษา แต่คำพิพากษายังพิมพ์ไม่เสร็จ จนกระทั่งวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๔๑จำเลยที่ ๒ จึงได้รับสำเนาคำพิพากษา วันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๔๑ จำเลยที่ ๒ ได้ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ แต่ศาลยกคำร้อง จึงได้ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์อีกครั้งหนึ่งคือครั้งที่ศาลไต่สวนเป็นเรื่องนี้ แล้ววินิจฉัยว่า ตามคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ฉบับลงวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๔๑ นั้น จำเลยที่ ๒ยื่นคำร้องว่า ศาลมีคำพิพากษาคดีนี้เมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๔๑ ครบกำหนดที่จำเลยที่ ๒ต้องยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาในปัญหาข้อกฎหมายต่อศาลฎีกาในวันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๔๑แสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ ๒ เข้าใจว่าการยื่นอุทธรณ์ต้องยื่นภายในกำหนด ๑ เดือนนับแต่วันที่ได้อ่านคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๙จึงมิได้ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ภายในกำหนด ๑๕ วัน ตามที่พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา ๕๔ วรรคหนึ่งบัญญัติไว้ การอ้างเหตุผลขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์หลังจากพ้นระยะเวลายื่นอุทธรณ์แล้วโดยอ้างว่ายังไม่ได้รับสำเนาคำพิพากษาจึงเป็นเหตุผลเพียงเพื่อให้จำเลยพ้นความรับผิดในการไม่ยื่นอุทธรณ์หรือไม่ยื่นขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ภายในกำหนดเท่านั้น ซึ่งความเข้าใจผิดของจำเลยในข้อกฎหมายดังกล่าว ถ้าศาลให้ขยายระยะเวลาออกไปตามคำร้องแล้วก็จะไม่เป็นธรรมแก่โจทก์เช่นเดียวกัน จึงให้ยกคำร้องของจำเลยที่ ๒ ฉบับลงวันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๑
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยที่ ๒ ว่า คำสั่งศาลแรงงานกลางที่ให้ยกคำร้องของจำเลยที่ ๒ ฉบับลงวันที่๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๑ ชอบหรือไม่ เห็นว่า ศาลแรงงานกลางไต่สวนพยานหลักฐานของจำเลยที่ ๒ แล้วข้อเท็จจริงฟังได้ตามคำร้องของจำเลยที่ ๒ ฉบับลงวันที่ ๙ พฤศจิกายน๒๕๔๑ ว่าจำเลยที่ ๒ ได้รับสำเนาคำพิพากษาศาลแรงงานกลางเมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน๒๕๔๑ อันเป็นเวลาล่วงเลยกำหนดยื่นอุทธรณ์แล้ว ซึ่งศาลฎีกาได้วินิจฉัยไว้แล้วว่าหากข้อเท็จจริงฟังได้ดังกล่าวกรณีถือได้ว่ามีความจำเป็นและเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมที่ศาลแรงงานกลางจะพึงขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ให้แก่จำเลยที่ ๒ ศาลแรงงานกลางชอบจะมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ให้แก่จำเลยที่ ๒ ตามคำพิพากษาศาลฎีกา การที่ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยที่ ๒ ดังกล่าวโดยอ้างว่าจำเลยที่ ๒ เข้าใจเรื่องระยะเวลายื่นอุทธรณ์คดีแรงงานผิดพลาด หากขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ให้จำเลยที่ ๒ ย่อมไม่เป็นธรรมแก่โจทก์นั้น เป็นการไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลฎีกา จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ แต่เพื่อความสะดวกรวดเร็วศาลฎีกาเห็นสมควรสั่งคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ของจำเลยที่ ๒ ฉบับลงวันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๑เสียเองโดยไม่จำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลแรงงานกลางสั่งใหม่
พิพากษากลับว่า อนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์แก่จำเลยที่ ๒และเนื่องจากจำเลยที่ ๒ ยื่นอุทธรณ์ไว้แล้วตามอุทธรณ์ฉบับลงวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๑จึงให้ศาลแรงงานกลางพิจารณาว่าจะรับหรือไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ ๒ เพื่อดำเนินการต่อไป.