คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4764/2557

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนมติที่ประชุมของคณะกรรมการสมาคมผู้คัดค้าน เป็นการใช้สิทธิทางศาลโดยเสนอคดีเป็นคำร้องขอ อันเป็นคดีไม่มีข้อพิพาทตาม ป.วิ.พ. มาตรา 55 ซึ่งการร้องขอในลักษณะเช่นนี้ ต้องมีกฎหมายสารบัญญัติรับรองให้ยื่นคำร้องขอต่อศาลได้ แต่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยสมาคม คงมีแต่บัญญัติให้สมาชิกหรือพนักงานอัยการร้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนมติในที่ประชุมใหญ่ของสมาชิกสมาคมตามที่บัญญัติในมาตรา 100 ได้เท่านั้น แต่คดีนี้เป็นการร้องขอเพิกถอนมติที่ประชุมของคณะกรรมการสมาคม มิใช่ขอเพิกถอนมติในที่ประชุมใหญ่ของสมาชิกสมาคม กรณีจึงไม่มีบทบัญญัติใดรับรองให้สมาชิกสมาคมหรือผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนมติที่ประชุมของคณะกรรมการสมาคมเป็นคดีไม่มีข้อพิพาท เมื่อผู้ร้องถูกโต้แย้งสิทธิโดยคณะกรรมการสมาคมผู้คัดค้าน ก็ต้องใช้สิทธิฟ้องคดีเป็นคดีมีข้อพิพาท แม้ภายหลังมีผู้คัดค้านเข้ามาก็ไม่ทำให้อำนาจการยื่นคำร้องขอที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายตั้งแต่ต้นเป็นคำร้องขอที่ชอบด้วยกฎหมายขึ้นมาได้

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า ผู้ร้องเป็นสมาชิกสมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และเป็นหนึ่งในคณะกรรมการสมาคม ชุดที่ 9 ต่อมาในการประชุมใหญ่สามัญสมาชิกประจำปี 2551 ผู้ร้องได้รับเลือกตั้งให้เป็นหนึ่งในคณะกรรมการสมาคม ชุดที่ 10 อีก คณะกรรมการสมาคม ชุดที่ 10 ได้เลือกตั้งให้ผู้ร้องเป็นนายกสมาคมชุดที่ 10 ในระหว่างที่ผู้ร้องดำเนินการยื่นคำขอจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการสมาคม ชุดใหม่ คณะกรรมการสมาคม ชุดที่ 9 เดิมได้จัดให้มีการประชุมใหญ่วิสามัญสมาชิก ครั้งที่ 1/2552 มีมติให้ถอดถอนผู้ร้องและคณะกรรมการสมาคม ชุดที่ 10 ที่ได้รับเลือกตั้งออกจากตำแหน่ง และเลือกตั้งคณะกรรมการสมาคม ชุดที่ 10 ขึ้นใหม่ ผู้ร้องกับพวกจึงได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้เพิกถอนมติในการประชุมใหญ่ดังกล่าว เนื่องจากเป็นการประชุมที่มิชอบด้วยข้อบังคับและกฎหมาย คดีอยู่ระหว่างพิจารณา ระหว่างนั้นคณะกรรมการสมาคม ชุดที่ 9 ก็ได้เรียกประชุมคณะกรรมการสมาคม ครั้งที่พิเศษ 3/2552 ขึ้น มีมติให้ผู้ร้องขาดจากการเป็นสมาชิกภาพของสมาคมโดยอ้างว่าผู้ร้องมีความประพฤติอื่นนำความเสื่อมเสียมาสู่สมาคม ฝ่าฝืนข้อบังคับข้อ 13 (4) และ ข้อ 14 การดำเนินการของคณะกรรมการสมาคม ชุดที่ 9 ที่มีมติให้ผู้ร้องขาดจากการเป็นสมาชิกภาพของสมาคม เป็นการไม่ชอบและไม่สุจริต ไม่มีเหตุตามข้อบังคับของสมาคมและกฎหมาย ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ร้อง ขอให้เพิกถอนมติที่ประชุมของคณะกรรมการสมาคม ชุดที่ 9 ตามมติที่ประชุมในวาระการประชุมที่ 4
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องกระทำการเป็นปฏิปักษ์ ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียชื่อเสียงต่อผู้คัดค้าน เนื่องจากประการแรก ผู้ร้องไม่ปฏิบัติตามมติของคณะกรรมการสมาคม ชุดที่ 9 ครั้งที่พิเศษ 1/2552 ที่มีมติให้ตรวจสอบความถูกต้องผลการลงคะแนนเลือกตั้งกรรมการสมาคมที่ได้มีการเลือกตั้งในวันประชุมใหญ่สามัญสมาชิกประจำปี 2551 กลับนำผลการเลือกตั้งตามมติที่ประชุมใหญ่สามัญสมาชิกประจำปี 2551 ที่ไม่ชอบด้วยข้อบังคับและกฎหมายไปจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการสมาคม ประการที่สอง ผู้ร้องมีหนังสือถึงสมาชิกสมาคมโดยมีเจตนาไม่ต้องการให้สมาชิกเข้าร่วมประชุมใหญ่วิสามัญสมาชิก ครั้งที่ 1/2552 ก่อให้เกิดปัญหาในการบริหารงานของสมาคม และประการที่สาม ภายหลังที่ประชุมใหญ่วิสามัญสมาชิกครั้งที่ 1/2552 มีมติให้ถอดถอนกรรมการสมาคมที่ได้รับเลือกตั้งและเลือกตั้งกรรมการสมาคมชุดใหม่ขึ้นแทนแล้ว ผู้ร้องกับพวกได้ล็อกกุญแจประตูทางเข้าออกของอาคารที่ทำการของสมาคม ขัดขวางไม่ให้กรรมการสมาคมและเจ้าหน้าที่สมาคมเข้าปฏิบัติงาน ดังนั้น การที่คณะกรรมการสมาคม ชุดที่ 9 มีมติในที่ประชุมคณะกรรมการสมาคม ครั้งที่พิเศษ 3/2552 ให้ผู้ร้องขาดจากการเป็นสมาชิกของสมาคมจึงชอบด้วยกฎหมาย ผู้ร้องไม่มีอำนาจขอให้เพิกถอนได้ ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนมติที่ประชุมของคณะกรรมการสมาคม ผู้คัดค้าน ชุดที่ 9 ครั้งที่พิเศษ 3/2552 วาระที่ 4 ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องขอของผู้ร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องมีว่า ผู้ร้องมีอำนาจฟ้องโดยยื่นคำร้องขอเป็นคดีไม่มีข้อพิพาทได้หรือไม่ โดยผู้ร้องอ้างในฎีกาว่า การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเป็นคดีไม่มีข้อพิพาท และมีผู้คัดค้านเข้ามาในคดี จึงเป็นคดีมีข้อพิพาทอันเป็นการร้องขอตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 100 และตามมาตรา 4 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่ง ทำนองเดียวกับการร้องขอเป็นผู้จัดการมรดก หากมีการโต้แย้งคัดค้านก็เป็นคดีมีข้อพิพาทได้เช่นกัน ผู้ร้องจึงมีอำนาจร้องขอนั้น เห็นว่า คดีนี้ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนมติที่ประชุมของคณะกรรมการสมาคมผู้คัดค้าน จึงเป็นการใช้สิทธิทางศาลโดยเสนอคดีเป็นคำร้องขออันเป็นคดีไม่มีข้อพิพาทตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 ซึ่งการร้องขอในลักษณะเช่นนี้ ต้องมีกฎหมายสารบัญญัติรับรองให้ยื่นคำร้องขอต่อศาลได้ แต่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยสมาคม คงมีแต่บัญญัติให้สมาชิกหรือพนักงานอัยการร้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนมติในที่ประชุมใหญ่ของสมาชิกสมาคมตามที่บัญญัติในมาตรา 100 ได้เท่านั้น แต่คดีนี้เป็นการร้องขอเพิกถอนมติที่ประชุมของคณะกรรมการสมาคม มิใช่ขอเพิกถอนมติในที่ประชุมใหญ่ของสมาชิกสมาคม กรณีจึงไม่มีบทบัญญัติใดรับรองให้สมาชิกสมาคมหรือผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนมติในที่ประชุมของคณะกรรมการสมาคมเป็นคดีไม่มีข้อพิพาท เมื่อผู้ร้องถูกโต้แย้งสิทธิโดยคณะกรรมการสมาคมผู้คัดค้าน ก็ต้องใช้สิทธิฟ้องคดีเป็นคดีมีข้อพิพาท ไม่มีสิทธิหรืออำนาจยื่นคำร้องขอเป็นคดีไม่มีข้อพิพาท คำร้องขอของผู้ร้องจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย แม้ภายหลังมีผู้คัดค้านเข้ามาก็ไม่ทำให้อำนาจการยื่นคำร้องขอของผู้ร้องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายตั้งแต่ต้นเป็นคำร้องขอที่ชอบด้วยกฎหมายขึ้นมาได้ กรณีแตกต่างจากการร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกตามที่ผู้ร้องอ้างมาในฎีกา ที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1713 บัญญัติรับรองให้ทายาทหรือผู้มีส่วนได้เสียหรือพนักงานอัยการร้องต่อศาล ขอให้ตั้งผู้จัดการมรดกได้ในกรณีมีเหตุตามที่บัญญัติไว้ การร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกจึงเป็นคำร้องที่ชอบด้วยกฎหมายตั้งแต่ต้น ไม่ว่าจะมีผู้โต้แย้งคัดค้านหรือไม่ก็ตาม ดังนั้น ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับคำร้องขอของผู้ร้องไว้พิจารณาและมีคำสั่งในเวลาต่อมาจึงเป็นการไม่ชอบ ฎีกาของผู้ร้องข้ออื่นไม่จำต้องวินิจฉัยเพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไป ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยและพิพากษากลับโดยให้ยกคำร้องขอของผู้ร้องนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share