คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 474/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าหนี้ตามคำพิพากษานำยึดทรัพย์ของโจทก์โดยอ้างว่าเป็นของลูกหนี้ตามคำพิพากษา เมื่อโจทก์ถือว่าเป็นการละเมิดต่อโจทก์เพราะโจทก์เป็นเจ้าของทรัพย์นั้น และฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทน ดังนี้โจทก์จะต้องฟ้องภายในกำหนด 1 ปีนับแต่รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน แม้โจทก์จะได้ยื่นคำร้องขัดทรัพย์และเจ้าพนักงานบังคับคดีปล่อยทรัพย์ การยื่นคำร้องขัดทรัพย์นั้นก็ไม่เป็นเหตุให้อายุความในเรื่องละเมิดสะดุดหยุดลง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของเครื่องฉายภาพยนตร์ ๒ เครื่อง พร้อมด้วยเครื่องอุปกรณ์กับจอฉายภาพยนตร์ ได้ให้นายทวีสุข โปตะวนิช เช่าไป ค่าเช่าวันละ ๒๐๐ บาท เมื่อประมาณเดือนสิงหาคม ๒๕๐๕ จำเลยได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดีศาลยึดไปโดยอ้างว่าเป็นของนายทวีสุข ทั้งนี้ โดยจำเลยรู้และอยู่ในฐานะอันควรรู้ว่าเป็นของโจทก์ และโจทก์ให้นายทวีสุขเช่าไป การกระทำของจำเลยเป็นการจงใจทำละเมิดและเป็นการใช้สิทธิไม่สุจริตทำให้โจทก์ขาดค่าเช่าตั้งแต่วันถูกยึดจนถึงวันที่เจ้าพนักงานบังคับคดีปล่อยทรัพย์คืนให้โจทก์รวมเป็นเงิน ๙๖,๐๐๐ บาท และระหว่างนั้นทรัพย์ที่ถูกยึดยังเสียหายเป็นเงิน ๑๑๖,๐๐๐ บาท ขอให้จำเลยชำระค่าสินไหมทดแทน
จำเลยให้การต่อสู้คดี และว่าคดีโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๔๘ ด้วย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทน ๑๘,๐๐๐ บาท
โจทก์จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนวันละ๒๐๐ บาท
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ฟ้องจำเลยเรียกค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดจึงมีอายุความฟ้องร้องภายใน ๑ ปีนับแต่วันที่ผู้ต้องเสียหายรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๔๘ วรรค ๑ กรณีไม่ต้องด้วยมาตรา ๑๖๘ อันจะมีอายุความ ๑๐ ปี เพราะโจทก์ฟ้องคดีนี้โดยอาศัยสิทธิเรียกร้องในเรื่องละเมิด หาใช่สิทธิเรียกร้องอันตั้งหลักฐานขึ้นโดยคำพิพากษาชั้นที่สุดของศาลในคดีเรื่องร้องขัดทรัพย์ไม่ สิทธิเรียกร้องตามมาตราดังกล่าวนี้หมายถึงสิทธิเรียกร้องในการบังคับคดีตามคำพิพากษาของศาลเท่านั้น
แม้การที่โจทก์ยื่นคำร้องขัดทรัพย์ต่อศาลเมื่อวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๐๕ จะเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลง เพราะเท่ากับเป็นการทำการอื่นใดอันนับว่ามีผลเป็นอย่างเดียวกันกับการที่เจ้าหนี้ฟ้องคดี เพื่อให้ใช้หนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๗๓ ก็จริงอยู่ แต่ก็สะดุดหยุดลงเฉพาะในเรื่องร้องขัดทรัพย์ซึ่งพิพาทกันในเรื่องกรรมสิทธิ์แห่งทรัพย์สินเท่านั้นจะถือเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงในเรื่องละเมิดไม่ได้ เพราะเป็นคนละเรื่องกัน แม้โจทก์จะเรียกค่าเสียหายรวมมาในคำร้องขัดทรัพย์ไม่ได้เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๘๘ แต่โจทก์ก็ชอบที่จะฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นอีกคดีหนึ่งต่างหากได้ปรากฏว่าจำเลยนำยึดทรัพย์ซึ่งโจทก์หาว่าเป็นการละเมิดตั้งแต่วันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๐๕ และโจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน อย่างน้อยก็ตั้งแต่วันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๐๕ ซึ่งเป็นวันที่โจทก์ยื่นคำร้องขัดทรัพย์ แต่โจทก์เพิ่งมาฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๐๗ เกินกำหนด ๑ ปี คดีโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๔๘
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share