แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ไม้แปรรูปที่แปรเมื่อใบอนุญาตหมดอายุแล้วและออกให้ในชื่อของผู้อื่น จำเลยมีไว้ย่อมเป็นความผิด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2494 จำเลยมีไม้สักแปรรูปไว้ในครอบครอง 21.67 ลูกบาศก์เมตร โดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. ไม่ใช่ไม้แปรรูปที่ไม่ต้องเสียค่าภาคหลวงหรือได้รับยกเว้น ขอให้ลงโทษ
จำเลยให้การปฏิเสธความผิด
ศาลชั้นต้นฟังว่า ไม้รายนี้เป็นไม้ที่จำเลยแปรรูปตามที่ได้รับอนุญาต ไม่มีความผิด ให้ยกฟ้อง ไม้ของกลางนอกจากที่ต้องริบ เนื่องจากคดีอีกเรื่องหนึ่งนั้นแล้วให้คืนจำเลย
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ใบอนุญาตแปรรูปไม้ฉบับที่ 19 เล่ม 410 มีอายุใช้ได้ถึงวันที่ 19 พฤศจิกายน 2490 เท่านั้นการแปรรูปไม้รายนี้ จำเลยเบิกความรับว่า ได้แปรรูป คือ เลื่อยเมื่อ พ.ศ. 2493 จำเลยจึงมีความผิด พิพากษาให้ปรับจำเลย 500 บาท ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ 2484 มาตรา 48, 73, 74 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 3) 2494 มาตรา 17 ลดโทษฐานปรานีตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 59 หนึ่งร้อยบาท เหลือโทษปรับ 400 บาท ไม้ของกลางริบ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาปรึกษาคดีแล้ว ได้ความว่า เจ้าพนักงานตรวจพบกระดานไม้สักกับไม้สักท่อน และเรือต่อด้วยไม้สัก จำเลยว่าบริษัทล่ำซำให้ไม้ที่กล่าวนั้นแก่จำเลย จำเลยแสดงใบอนุญาตแปรรูปไม้ ฉบับที่ 19 เล่มที่ 410 เรียกว่าใบอนุญาตแปรรูปไม้และมีไม้แปรรูปมิใช่เพื่อการค้า ออกให้บริษัทล่ำซำ
ข้อวินิจฉัยมีว่า ไม้แปรรูปเหล่านี้ จำเลยมีไว้โดยไม่ได้รับอนุญาตเจ้าพนักงานใช่หรือไม่ โจทก์นำสืบว่า เป็นไม้คนละรายหมายความว่าใบอนุญาตที่จำเลยอ้างใช้สำหรับไม้รายอื่น ไม่ใช่ไม้รายนี้ฝ่ายจำเลยนำสืบว่าเป็นไม้รายนี้ ข้อเท็จจริงข้อนี้จะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่ปรากฏว่าใบอนุญาตไม่ได้ออกให้จำเลยใบอนุญาตออกให้บริษัทล่ำซำ โดยนายฮ้วนหนำเป็นผู้แทน จำเลยจะอ้างว่า จำเลยเป็นผู้ได้รับอนุญาตไม่ตรงความจริง จำเลยอ้างใบมอบฉันทะฉบับหนึ่งมีชื่อนายฮ้วนหนำเป็นผู้มอบฉันทะ จำเลยเป็นผู้รับมอบ ใบมอบฉันทะนี้ หากจะมีจริงก็ไม่ใช่จำเลยเป็นผู้ได้รับอนุญาต อีกประการหนึ่งปรากฏว่าการแปรรูปไม้รายนี้ ล่วงเลยเวลาที่กำหนดในใบอนุญาตดังที่ศาลอุทธรณ์ชี้ไว้ เพราะฉะนั้นการที่จำเลยมีไม้รายนี้ไว้ จึงเป็นความผิด
ศาลนี้พิพากษายืน บังคับคดีอย่างศาลอุทธรณ์