แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เงินค่าปรับตามที่กำหนดไว้ในสัญญาถือได้ว่าเป็นเบี้ยปรับเพื่อการที่จะชดใช้บรรเทาความเสียหายอันอาจจะมีหรือเกิดขึ้นไว้ล่วงหน้า เพื่อให้เป็นความพอใจแก่ฝ่ายที่มิได้ผิดสัญญา ศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจลดจำนวนค่าปรับหรือเบี้ยปรับตามสัญญานั้นลงได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 383 วรรคแรก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ทำสัญญาสั่งซื้อเครื่องตรวจเอกสารด้วยระบบจอภาพจากจำเลยจำนวน 1 เครื่อง ราคา 335,000 บาทจำเลยตกลงส่งมอบสิ่งของที่สั่งซื้อให้แก่โจทก์ภายใน 180 วันนับแต่วันทำสัญญา จำเลยได้นำหนังสือสัญญาค้ำประกันของธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาประตูเชียงใหม่ เป็นเงิน 33,500 บาทมามอบให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นประกัน เมื่อครบกำหนดตามสัญญาจำเลยผิดนัดไม่ส่งมอบสิ่งของที่ซื้อขายตามสัญญาให้แก่โจทก์โจทก์จึงได้บอกเลิกสัญญากับจำเลย ต่อมาโจทก์ได้ใช้สิทธิตามสัญญาซื้อเครื่องตรวจเอกสารด้วยระบบจอภาพจำนวน 1 เครื่องราคา 448,000 บาท จากบริษัทไดน่า อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัดและได้ชำระเงินให้แก่ผู้ขายแล้ว สิ่งของที่ซื้อใหม่มีราคาสูงกว่าราคาที่ซื้อจากจำเลยเป็นเงิน 113,000 บาท โจทก์ได้ใช้สิทธิริบหลักประกันซึ่งธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาประตูเชียงใหม่ได้ชำระเงินจำนวน 33,500 บาท ให้แก่โจทก์เรียบร้อยแล้วและจำเลยต้องชำระเงินค่าปรับเป็นรายวันในอัตราร้อยละ 0.2ของราคาที่ซื้อ 335,000 บาท นับแต่วันถัดจากวันครบกำหนดตามสัญญาเป็นเงิน 222,440 บาท นอกจากนี้จำเลยยังต้องรับผิดชดใช้ราคาที่เพิ่มขึ้นจากการที่โจทก์ต้องซื้อของสูงกว่าราคาทีกำหนดไว้ในสัญญาซื้อขายที่ทำกับจำเลยอีกเป็นจำนวน 113,000 บาทรวมเป็นเงินที่จำเลยต้องรับผิดชดใช้ให้แก่โจทก์ทั้งสิ้น 335,440 บาท ขอให้บังคับจำเลยใช้เงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 113,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พิเคราะห์แล้ว สัญญาข้อ 8 ระบุว่าเมื่อครบกำหนดส่งมอบสิ่งของตามสัญญานี้แล้ว ถ้าผู้ขายไม่ส่งมอบสิ่งของที่ตกลงขายให้แก่ผู้ซื้อหรือส่งมอบสิ่งของทั้งหมดไม่ถูกต้อง หรือส่งมอบสิ่งของไม่ครบจำนวน ผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ ในกรณีผู้ซื้อใช้สิทธิบอกเลิกสัญญา ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อริบหลักประกันหรือเรียกร้อยจากธนาคารผู้ออกหนังสือค้ำประกันตามสัญญาข้อ 7 เป็นจำนวนเงินทั้งหมดหรือแต่บางส่วนก็ได้แล้วแต่ผู้ซื้อจะเห็นสมควร และถ้าผู้ซื้อจัดซื้อสิ่งของจากบุคคลอื่นเต็มจำนวนหรือเฉพาะจำนวนที่ขาดส่งแล้วแต่กรณีภายในกำหนด140 วัน นับแต่วันที่บอกเลิกสัญญา โดยให้นับวันที่บอกเลิกสัญญาเป็นวันเริ่มต้น ผู้ขายยอมรับผิดชดใช้ราคาที่เพิ่มขึ้นจากราคาที่กำหนดไว้ในสัญญาด้วย ทั้งนี้ไม่ตัดสิทธิกรณีผู้ซื้อจะดำเนินการปรับจนถึงวันบอกเลิกสัญญา สัญญาข้อ 11 วรรคแรก ระบุว่าในกรณีที่ผู้ซื้อไม่ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาตามสัญญาข้อ 8 ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อปรับเป็นรายวัน ในอัตราร้อยละศูนย์จุดสอง (0.2)ของราคาสิ่งของที่ยังไม่ได้รับมอบนับแต่วันถัดจากวันครบกำหนดตามสัญญาจนถึงวันที่ผู้ขายได้นำสิ่งของมาส่งมอบให้แก่ผู้ซื้อจนถูกต้องครบถ้วน และสัญญาข้อ 11 วรรคสุดท้ายระบุว่า ในระหว่างมีการปรับนั้น ถ้าผู้ซื้อเห็นว่าผู้ขายไม่อาจปฏิบัติตามสัญญาต่อไปได้ ผู้ซื้อจะใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาและริบหลักประกันหรือเรียกร้องจากธนาคารผู้ออกหนังสือค้ำประกันตามสัญญาข้อ 7กับเรียกร้องให้ชดใช้ราคาที่เพิ่มขึ้นตามที่กำหนดไว้ในสัญญาข้อ 8 วรรคสอง นอกเหนือจากการปรับจนถึงวันบอกเลิกสัญญาด้วยก็ได้ เห็นว่า ถ้าจำเลยผิดนัดไม่ส่งมอบสิ่งของตามกำหนดที่ตกลงกันและโจทก์บอกเลิกสัญญาซื้อขายกับจำเลยทันทีก็เป็นกรณีที่จะต้องบังคับให้เป็นไปตามที่ระบุไว้ในสัญญาข้อ 8แต่ข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบมาฟังได้ว่า เมื่อครบกำหนดเวลาตามที่ตกลงกันแล้วจำเลยไม่ส่งมอบสิ่งของแก่โจทก์โดยขอผัดผ่อนออกไปอีกหลายคราวซึ่งโจทก์ก็มิได้ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาทันทีและยังต้องการให้จำเลยส่งมอบสิ่งของแก่โจทก์อยู่จึงมีหนังสือตามเอกสารหมาย จ.10 ขอให้ส่งมอบสิ่งของ หรือแจ้งเหตุขัดข้องให้โจทก์ทราบภายใน 15 วัน ทั้งขอสงวนสิทธิที่จะปรับตามนัยสัญญาตั้งแต่วันครบกำหนดสัญญาจนถึงวันที่จำเลยส่งมอบสิ่งของครบถ้วนหรือวันที่โจทก์แจ้งบอกเลิกสัญญาแล้วแต่กรณี อันเป็นการเห็นได้ชัดแจ้งว่า โจทก์มีเจตนาบังคับให้เป็นไปตามสัญญาซื้อขายข้อ 11ซึ่งจำเลยก็ทราบเจตนาของโจทก์เป็นอย่างดี จึงมีหนังสือตอบตามเอกสารหมาย จ.11 มีข้อความระบุด้วยว่าจำเลยยินยอมให้ปรับตามนัยสัญญาตั้งแต่วันครบกำหนดตามสัญญาจนถึงวันที่จำเลยส่งมอบสิ่งของให้ครบถ้วน ต่อมาจำเลยก็ไม่สามารถส่งมอบสิ่งของตามสัญญาจึงมีหนังสือยื่นข้อเสนอยินยอมให้โจทก์ยกเลิกสัญญาดังกล่าวปรากฏตามเอกสารหมาย จ.12 โจทก์จึงบอกเลิกสัญญากับจำเลยปรากฏตามเอกสารหมาย จ.13 อันเป็นการปฏิบัติตามขั้นตอนในระหว่างที่จำเลยต้องเสียค่าปรับแก่โจทก์เป็นรายวันเพื่อยืดเวลาส่งมอบสิ่งของแก่โจทก์โดยโจทก์มีสิทธิกระทำได้ตามข้อตกลงในสัญญาซื้อขายข้อ 11 วรรคท้าย กรณีจึงเป็นการบอกเลิกสัญญาตามความในสัญญาซื้อขายเอกสารหมาย จ.3 ข้อ 11 ซึ่งโจทก์มีสิทธิได้รับค่าเบี้ยปรับเป็นรายวันในอัตราร้อยละ 0.2 ของราคาสิ่งของนับแต่วันถัดจากวันครบกำหนดตามสัญญาจนถึงวันที่โจทก์บอกเลิกสัญญาคำนวณเป็นเงิน222,440 บาท จากจำเลยอีกด้วย แต่เงินค่าปรับตามที่กำหนดกันไว้นั้นถือได้ว่าเป็นเบี้ยปรับเพื่อการที่จะชดใช้บรรเทาความเสียหายอันอาจจะมีหรือเกิดขึ้นไว้ล่วงหน้า เพื่อให้เป็นความพอใจแก่ฝ่ายที่มิได้ผิดสัญญา ซึ่งศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจลดจำนวนค่าปรับหรือเบี้ยปรับตามสัญญานั้นลงได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 383 วรรคแรก เมื่อศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยชดใช้ราคาที่เพิ่มขึ้นจากการที่โจทก์ต้องซื้อเครื่องตรวจเอกสารแพงขึ้น จำนวน 113,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยและโจทก์ใช้สิทธิริบเงินประกันตามสัญญาไปแล้วเป็นเงิน 33,500 บาท โดยไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้รับความเสียหายประการอื่นอีก จึงเห็นสมควรให้จำเลยชำระค่าปรับตามสัญญาข้อ 11 ให้แก่โจทก์เพียง 50,000 บาท ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ยกคำขอส่วนนี้ของโจทก์ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินค่าปรับเป็นเงินจำนวน50,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในเงินจำนวนดังกล่าวนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์อีกส่วนหนึ่งด้วยนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์