คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4668/2541

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ร้อยตำรวจเอกณ.ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ทำ หน้าที่ป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับ ยาเสพติดให้โทษ ย่อมมีอำนาจตรวจค้นจับกุมและควบคุม ผู้กระทำความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติดได้ทั่วราชอาณาจักร โดยไม่ต้องมีหมายค้นหรือหมายจับ ตามพระราชบัญญัติป้องกัน และปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. 2519 แม้บัตรของสำนักงานคณะกรรมการ ป้องกันและปราบปรามยาเสพติดที่ออกให้แก่ร้อยตำรวจเอกณ. จะหมดอายุการใช้บัตรแล้วก็ตาม ก็ไม่ทำให้ร้อยตำรวจเอกณ.ในฐานะ เจ้าพนักงานตามพระราชบัญญัติดังกล่าวไม่มีอำนาจตรวจค้น จับกุม และควบคุมจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ดังนั้นการตรวจค้น จับกุม และควบคุมจำเลยทั้งสองจึงชอบด้วย กฎหมายแล้ว การที่พยานโจทก์ทั้งสองเป็นเจ้าพนักงานตำรวจเบิกความตามที่ตนรู้เห็นจากการปฏิบัติราชการตามหน้าที่และไม่เคยมี สาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยทั้งสองมาก่อนคำเบิกความของพยานโจทก์ ทั้งสองปากนี้ย่อมมีน้ำหนักให้รับฟังได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อขายโดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518มาตรา 4, 6, 13 ทวิ, 62, 89, 106, 106 ทวิ, 116 และริบของกลางให้แก่กระทรวงสาธารณสุข
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518มาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง, 89 และพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 67 การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518มาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง, 89 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกคนละ 5 ปี จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพในชั้นจับกุม เป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุกคนละ 3 ปี 4 เดือน ริบของกลางให้แก่กระทรวงสาธารณสุข
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง,67 จำคุกคนละ 5 ปี จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกคนละ 3 ปี4 เดือน ให้ยกฟ้องความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง, 89นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสองฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า ร้อยตำรวจเอกณรงค์ศักดิ์ เวียงวลัย ไม่มีอำนาจตรวจค้นจับกุมและควบคุมจำเลยทั้งสอง เพราะขณะตรวจค้นจับกุมและควบคุมจำเลยทั้งสองบัตรของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดที่ออกให้แก่ร้อยตำรวจเอกณรงค์ศักดิ์หมดอายุการใช้บัตรแล้วการตรวจค้นจับกุมและควบคุมจำเลยทั้งสองจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้นเห็นว่า ร้อยตำรวจเอกณรงค์ศักดิ์ นอกจากเป็นเจ้าพนักงานตำรวจกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 13 แล้วยังได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ทำหน้าที่ป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ โดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดได้ออกบัตรเป็นหลักฐานแสดงว่าร้อยตำรวจเอกณรงค์ศักดิ์ เป็นเจ้าพนักงาน มีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. 2519ตามสำเนาบัตรเอกสารหมาย จ.1 ร้อยตำรวจเอกณรงค์ศักดิ์ย่อมมีอำนาจตรวจค้นจับกุมและควบคุมผู้กระทำผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติดได้ทั่วราชอาณาจักรโดยไม่ต้องมีหมายค้นหรือหมายจับ ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามยาเสพติดพ.ศ. 2519 เมื่อร้อยตำรวจเอกณรงค์ศักดิ์ มีอำนาจตรวจค้นจับกุมและควบคุมผู้กระทำผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติดโดยไม่ต้องมีหมายค้นหรือหมายจับแม้ขณะตรวจค้น จับกุม และควบคุมจำเลยทั้งสอง บัตรของสำนักงานคณะกรรมป้องกันปราบปรามยาเสพติดที่ออกให้แก่ร้อยตำรวจเอกณรงค์ศักดิ์ จะหมดอายุการใช้บัตรแล้วก็ตาม ก็ไม่ทำให้ร้อยตำรวจเอกณรงค์ศักดิ์ ในฐานะเจ้าพนักงานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามยาเสพติดพ.ศ. 2519 ไม่มีอำนาจตรวจค้นจับกุม และควบคุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด การตรวจค้น จับกุม และควบคุมจำเลยทั้งสองจึงชอบด้วยกฎหมาย ที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า พยานหลักฐานโจทก์มีความสงสัยตามสมควรว่า เมทแอมเฟตามีนที่ยึดได้ในกระเป๋าเสื้อกันเปื้อน ซึ่งแขวนอยู่ที่เสากลางใต้ถุนบ้านของจำเลยทั้งสองเป็นของจำเลยทั้งสองหรือไม่ จึงควรยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยทั้งสองนั้น เห็นว่า โจทก์มีร้อยตำรวจเอกณรงค์ศักดิ์ เวียงวลัย และสิบตำรวจตรีวันชัย ทองเครือเจ้าพนักงานตำรวจผู้จับจำเลยทั้งสองเบิกความสอดคล้องต้องกันว่าก่อนจับจำเลยทั้งสองร้อยตำรวจเอกณรงค์ศักดิ์ ได้รับรายงานจากเจ้าพนักงานตำรวจใต้บังคับบัญชาว่า ที่บ้านของจำเลยทั้งสองมีการลักลอบขายเมทแอมเฟตามีน จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและนำกำลังเจ้าพนักงานตำรวจไปตรวจค้นที่บ้านของจำเลยทั้งสองพบเมทแอมเฟตามีนของกลางใส่ไว้ในถุงพลาสติกสีเหลืองซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าเสื้อกันเปื้อน ซึ่งแขวนอยู่ที่เสากลางใต้ถุนบ้านจากการสอบถาม จำเลยทั้งสองยอมรับว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้ซื้อเมทแอมเฟตามีนของกลางจากนายฟาง(ไม่ทราบนามสกุล) มาให้จำเลยที่ 1 และคนงานเสพ ตามบันทึกการตรวจค้นและจับกุมเอกสารหมาย จ.4 พยานโจทก์ทั้งสองเป็นเจ้าพนักงานตำรวจเบิกความตามที่ตนรู้เห็นจากการปฏิบัติราชการตามหน้าที่ และไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยทั้งสองมาก่อน โดยเฉพาะร้อยตำรวจเอกณรงค์ศักดิ์ยังเป็นเจ้าพนักงานของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด มีอำนาจที่เกี่ยวกับการตรวจค้น จับกุมคุมขังผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ทั้งก่อนมาตรวจ ค้นร้อยตำรวจเอกณรงค์ศักดิ์ก็ได้รับรายงานจากเจ้าพนักงานตำรวจใต้บังคับบัญชาว่า ที่บ้านของจำเลยทั้งสองมีการลักลอบขายเมทแอมเฟตามีน จึงได้นำกำลังเจ้าพนักงานตำรวจมาตรวจค้นและจับกุม คำเบิกความของพยานทั้งสองปากมีน้ำหนักให้รับฟังได้ทั้งในชั้นสอบสวน จำเลยที่ 1 ก็ให้การรับสารภาพ ส่วนจำเลยที่ 2แม้จะให้การปฏิเสธแต่ก็ยอมรับว่าเสื้อกันเปื้อน ดังกล่าวเป็นของตนเอง ตามบันทึกคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยทั้งสองเอกสารหมาย จ.6 และ จ.7 ที่จำเลยทั้งสองอ้างว่าเจ้าพนักงานตำรวจให้จำเลยทั้งสองลงชื่อในบันทึกการตรวจค้นและจับกุมกับให้จำเลยที่ 1 ลงชื่อในบันทึกคำให้การชั้นสอบสวนโดยมิได้อ่านข้อความในบันทึกดังกล่าวให้ฟังนั้น โจทก์มีร้อยตำรวจเอกณรงค์ศักดิ์ ผู้ตรวจค้นและจับจำเลยทั้งสอง และมีร้อยตำรวจโทวัชรา ชิโนวรรณ พนักงานสอบสวนเบิกความยืนยันว่า ได้อ่านข้อความในบันทึกการตรวจค้นและจับกุมตามเอกสารหมาย จ.4และบันทึกคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยทั้งสองตามเอกสารหมายจ.6 และ จ.7 ให้จำเลยทั้งสองฟังก่อนให้จำเลยที่ 1 ลงชื่อและจำเลยที่ 2 ลงลายพิมพ์นิ้วมือในบันทึกดังกล่าว ข้ออ้างลอย ๆ ของจำเลยทั้งสองไม่มีน้ำหนักให้รับฟังได้ เชื่อว่าจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและจำเลยที่ 1ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนโดยสมัครใจตามความสัตย์จริงจึงใช้เป็นพยานหลักฐานยันจำเลยทั้งสองในชั้นพิจารณาได้ ส่วนที่จำเลยทั้งสองอ้างว่าเคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับนายหนุ่ม(ไม่ทราบนามสกุล) เจ้าพนักงานตำรวจประจำกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 13 เรื่องหนี้สินที่นายหนุ่มซื้อเครื่องในวัวไปจากจำเลยทั้งสองและถูกจำเลยที่ 2 ทวงถามนั้น แม้จะรับฟังว่าเป็นความจริงก็ยังห่างไกลไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเหตุให้มีการกลั่นแกล้งจำเลยทั้งสองในคดีนี้ เมื่อพิเคราะห์ประกอบภาพถ่ายหมาย จ.3 แล้วจะเห็นได้ว่าเสื้อกันเปื้อน ดังกล่าว มีลายดอกและสีสันสำหรับสตรีใช้มากกว่า เชื่อว่าเป็นของจำเลยที่ 2ตามที่จำเลยที่ 2 ให้การไว้ในชั้นสอบสวน นอกจากเสื้อกันเปื้อนแล้ว ที่ใต้ถุนบ้านของจำเลยทั้งสองยังมีสิ่งของเครื่องใช้ตั้งอยู่อีกมากซึ่งล้วนอยู่ในความครอบครองของจำเลยทั้งสองยากที่บุคคลภายนอกจะเข้าออกใต้ถุนบ้านของจำเลยทั้งสองได้ตามอำเภอใจ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีบุคคลอื่นนำเมทแอมเฟตามีนของกลางมาใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อกันเปื้อน ดังกล่าว โดยจำเลยทั้งสองไม่ได้รู้เห็นด้วยพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3พิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยทั้งสองทุกข้อฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share