คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 460/2477

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แปลสัญญา พฤตติการณ์อย่างไรที่เป็นผิดกฎหมายหรือผิดสัญญาได้รับอนุญาตให้ตัดไม้สักแห้งและห้ามไม่ให้ตัดไม้สักดิบแล้วไปตัดไม้สักหมาด ๆ ไม่ เป็นผิด พ.ร.บ.ป้องกันการลักลอบลักลากไม้สักออกจากป่า ร.ศ.118 ข้อ 3 การชักลากไม้สักที่ยังไม่ได้เสียค่าภาษีอันจะเป็นผิดนั้นต้องชักลากออกจากเขตต์ป่า

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยตัดฟันเผาไม้สักดิบ ๖๗ ต้น แลชักลากออกจากป่าโดยมิได้เสียค่าภาคหลวงและไม่ได้รับอนุญาต
จ.จำเลยตายในระวางเรียกตัวไปฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
คดีได้ความว่า ก. จำเลยได้รับอนุญาตให้ทำการชักลากไม้สักที่ตายแห้ง และยื่นต้นอยู่หรือเป็นไม้ล้มขอนนอนภายในเขตต์ป่าแม่พริกและตามข้อสัญญาห้ามไม่ให้ทำไม้สักดิบ แล้วนำมารวมไว้ที่ฝั่งแม่น้ำวังเพื่อให้เจ้าพนักงานตรวจวัดและตีตราเพื่อเสียค่าภาคหลวง จำเลยตัดไม้ในคดีนี้ ๖๗ ท่อน จำเลยรับว่าเป็นไม้ดิบ ๔ ท่อน ไม้อีก ๖๓ ท่อนเจ้าพนักงานผู้ตรวจไม้เบิกความว่าเป็นไม้หมาด ๆ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีสำหรับ จ. จำเลยเป็นอันระงับไปตามกฎหมายอาชญามาตรา ๗๗ และวินิจฉัยคดีสำหรับตัว ก. จำเลยว่า ไม้ ๖๓ ท่อนนั้นเจ้าพนักงานผู้ตรวจไม้ว่าเป็นไม้หมาด ๆ จึงยังฟังไม่ถนัดว่าเป็นไม้ดิบอันต้องห้ามตามใบอนุญาต ส่วนไม้อีก ๔ ท่อนนั้นจะเป็นผิดตามฟ้องหรือจะเป็นเพียงผิดสัญญาทางแพ่งนั้น ตามข้อสัญญามีว่า “ถ้าผู้รับอนุญาตทำไม้สักที่ยังดิบอยู่…จะต้องถือว่าผู้รับอนุญาตได้ตัดฟันชักลากไม้โดยมิได้รับอนุญาตอีกตอนหนึ่งว่า “ถ้าหากเป็นการจำเป็นจะต้องฟ้องผู้รับอนุญาตยังโรงศาล ผู้ให้อนุญาตก็มีสิทธิทำได้ ” ศาลฎีกาเห็นว่าการตัดฟันชักลากไม้สักดิบ ๔ ต้นเป็นผิดพ.ร.บ. รักษาต้นไม้สัก ร.ศ.๑๑๖ ส่วนพระราชบัญญัติป้องกันการลักลอบชักลากไม้สักที่ยังไม่ได้เสียค่าตอค่าภาษี ร.ศ.๑๑๘ ที่โจทก์ฟ้องนัน บัญญัติโทษฉะเพาะผู้ลักลอบชักลากไม้สักที่ยังไม่ได้เสียภาษีออกจากเขตต์ป่าซึ่งในคดีนนี้จำเลยไม่ได้ชักลากออกจากเขตต์ป่า และการเสียภาษีก็ตกลงให้จำเลยนำไม้สักที่ชักลากแล้วไปรวมที่ฝั่งแม่น้ำวังเพื่อเสียภาษีกันที่นั่น จำเลยไม่มีผิดในข้อนี้ จึงพิพากษาแก้ศาลล่างให้ปรับ ก. จำเลยตาม พ.ร.บ.รักษาต้นไม้สัก ร.ศ.๑๑๖ เป็นเงินต้นละ ๑๕ บาท รวม ๖๐ บาทกับให้ริบไม้ดิบของกลาง ๔ ท่อน

Share