แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยฐานเป็นตัวการสมคบกันชิงทรัพย์ศาลอุทธรณ์แก้ว่าจำเลยเป็นเพียงผู้สนับสนุนโจทก์ฎีกาฝ่ายเดียว ขอให้ลงโทษจำเลยฐานเป็นตัวการเมื่อศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยไม่มีความผิด แม้จำเลยไม่ได้ฎีกาขึ้นมาศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยและยกฟ้องได้เพราะเกี่ยวแก่ความสงบเรียบร้อย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองสมคบกันชิงทรัพย์รถจักรยาน 1 คันราคา400 บาท ของนายติ๋ว หวังสกุลไป ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 339, 335, 83 และขอให้ใช้ราคาทรัพย์
จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 339 ประกอบด้วย มาตรา 335 ให้จำคุกคนละ 4 ปี และให้ช่วยกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะจำเลยที่ 1 ว่าผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,86 ให้จำคุกจำเลยที่ 1 ไว้ 2 ปี 8 เดือน
โจทก์ฎีกาข้อกฎหมายว่า จำเลยที่ 1 ควรมีผิดฐานร่วมมือกันกระทำการชิงทรัพย์กับจำเลยที่ 2 เพราะจำเลยที่ 1 ขี่รถจักรยานไปถึงที่ซึ่งเจ้าทรัพย์กำลังขี่รถจักรยานอยู่ จำเลยที่ 2 ก็โดดลงจากท้ายรถจำเลยที่ 1 แล้วตรงเข้าไปทำการชิงทรัพย์ ส่วนจำเลยที่ 1 คงขี่รถจักรยานเรื่อยไป เมื่อจำเลยที่ 2 ชิงรถได้แล้วก็ขี่ไปทางเดียวกับจำเลยที่ 1 ย่อมถือได้ว่าเป็นการร่วมมือกันทำความผิดฐานชิงทรัพย์ ขอให้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้ช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่จำเลยที่ 2 ทำผิดรายนี้ เมื่อได้ความว่าจำเลยที่ 1 ไม่มีความผิด ศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้เพราะเกี่ยวแก่ความสงบเรียบร้อย
พิพากษาแก้ศาลอุทธรณ์ว่า ให้ยกฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 1