คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 459/2502

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยฐานเป็นตัวการสบคบกันชิงทรัพย์ ศาลอุทธรณ์แก้ว่าจำเลยเป็นเพียงผู้สนับสนุนโจทก์ฎีกาฝ่ายเดียว ขอให้ลงโทษจำเลยฐานเป็นตัวการ เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยไม่มีความผิด แม้จำเลยไม่ได้ฎีกาขึ้นมา ศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉันและยกฟ้องได้ เพราะเกี่ยวแก่ความสงบเรียบร้อย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองคนสมคบกันชิงทรัพย์รถจักรยาน ๑ คัน ราคา ๔๐๐ บาท ของนายติ๋ว หวังสกุลไป ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๓๔, ๓๓๕, ๘๓ และขอให้ใช้ราคาทรัพย์
จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม. ๓๓๙ ประกอบด้วย ม.๓๓๕ ให้จำคุกคนละ ๔ ปี และให้ช่วยกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะจำเลยที่ ๑ ว่า ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม. ๓๓๙, ๘๖ ให้จำคุกจำเลยที่ ๑ ไว้ ๒ ปี ๘ เดือน
โจทก์ฎีกาข้อกฎหมายว่าจำเลยที่ ๑ ควรมีผิดฐานร่วมมือกันกระทำการชิงทรัพย์กับจำเลยที่ ๒ เพราะจำเลยที่ ๑ ขี่รถจักรยานไปถึงที่ซึ่งเจ้าทรัพย์กำลังขี่รถจักรยานอยู่ จำเลยที่ ๒ ก็โดดลงจากท้ายรถจำเลยที่ ๑ แล้วตรงเข้าไปทำการชิงทรัพย์ ส่วนจำเลยที่ ๑ คงขี่รถจักรยานเรื่อยไป เมื่อจำเลยที่ ๒ ชิงรถได้แล้วก็ขี่ไปทางเดียวกันกับจำเลยที่ ๑ ย่อมถือได้ว่าเป็นการร่วมมือกันทำความผิดฐานชิงทรัพย์ ขอให้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยที่ ๑ ไม่ได้ช่วยเหลือหรือให้ความสดวกในการที่จำเลยที่ ๒ ทำผิดรายนี้ เมื่อได้ความว่าจำเลยที่ ๑ ไม่มีความผิด ศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้เพราะเกี่ยวแก่ความสงบเรียบร้อย
พิพากษาแก้ศาลอุทธรณ์ว่า ให้ยกฟ้องเฉพาะจำเลยที่ ๑

Share