คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 457/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หญิงมีสามีกู้เงิน ย่อมผูกพันหญิงเป็นส่วนตัว ไม่ใช่ผูกพันสินบริคณห์โดยเฉพาะ เมื่อหญิงถูกฟ้อง หญิงจะยกข้อต่อสู้ว่าสามีบอกล้างแล้วไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องจำเลย ให้ชำระหนี้เงินกู้ จำเลยให้การปฏิเสธ และต่อสู้ว่า สามีจำเลยบอกล้างนิติกรรมแล้ว ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยกู้เงินโจทก์ตามฟ้อง ศาลอุทธรณ์จึงพิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้จำเลยใช้เงิน 1,850 บาทแก่โจทก์ จำเลยฎีกา ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงตามศาลอุทธรณ์ และวินิจฉัยข้อกฎหมายเกี่ยวกับข้อต่อสู้ของจำเลยที่ว่าสามีบอกล้างนิติกรรมแล้วดังนี้

“ข้อที่จำเลยต่อสู้ว่า สามีจำเลยได้บอกล้างสัญญากู้กับโจทก์แล้วสัญญากู้ย่อมเป็นโมฆะนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า หญิงมีสามีเป็นบุคคลที่บรรลุนิติภาวะแล้ว เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยได้กู้เงินโจทก์และทำสัญญากู้ให้โจทก์ยึดไว้ นิติกรรมที่จำเลยทำขึ้นนี้จึงผูกพันจำเลยเป็นส่วนตัว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 37 และโดยที่จำเลยมิได้ทำนิติกรรมผูกพันสินบริคณห์โดยเฉพาะ ทั้งข้อกฎหมายว่าด้วยการแยกสินบริคณห์ก็มีอยู่ คดีจึงไม่ต้องด้วยลักษณะที่จะยกโมฆียกรรมมาบังคับดังจำเลยฎีกา”

พิพากษายืน

Share