คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 452/2553

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ป.พ.พ. มาตรา 1547 บัญญัติไว้ว่า เด็กเกิดจากบิดามารดาที่มิได้สมรสกันจะเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายต่อเมื่อบิดามารดาได้สมรสกันในภายหลังหรือบิดาได้จดทะเบียนว่าเป็นบุตรหรือศาลพิพากษาว่าเป็นบุตร การที่จำเลยให้ผู้เยาว์ใช้ชื่อสกุลของจำเลย และอุปการะเลี้ยงดูผู้เยาว์อย่างบิดากับบุตรไม่ใช่เหตุที่จะทำให้ผู้เยาว์เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยได้ จำเลยจึงไม่มีอำนาจปกครองผู้เยาว์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์และจำเลยอยู่กินฉันสามีภริยากันโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสและมีบุตรด้วยกัน 1 คน คือ เด็กหญิงจิตตินีหรืออนัญพร อายุ 1 ปี 11 เดือน ระหว่างอยู่กินเป็นสามีภริยากัน จำเลยได้ทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรงโดยจำเลยได้ทุบตีทำร้ายร่างกายโจทก์หลายครั้ง หลังจากนั้นโจทก์และจำเลยได้ตกลงแยกกันอยู่และไม่ประสงค์ที่จะอยู่กินฉันสามีภริยากันอีกต่อไป แต่จำเลยได้เอาตัวบุตรผู้เยาว์ไปจากความปกครองของโจทก์โดยปราศจากความยินยอมของโจทก์ และจำเลยได้นำบุตรผู้เยาว์ไปหลบซ่อนอยู่ที่อื่นไม่ให้โจทก์ได้พบหน้า ขอให้บังคับจำเลยนำบุตรผู้เยาว์มามอบคืนให้แก่โจทก์และห้ามจำเลยเกี่ยวข้องกับบุตรผู้เยาว์อีกต่อไป
จำเลยให้การว่า โจทก์และจำเลยจดทะเบียนสมรสกันเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2544 ต่อมาโจทก์และจำเลยได้จดทะเบียนหย่ากันเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2546 แต่ก็กลับมาอยู่กินฉันสามีภริยากันอีกโดยมิได้จดทะเบียนสมรสกัน และมีบุตรด้วยกัน 1 คน คือ เด็กหญิงจิตตินี ผู้เยาว์ จำเลยซึ่งเป็นบิดาได้ให้การรับรองว่าผู้เยาว์เป็นบุตรโดยให้บุตรผู้เยาว์ใช้ชื่อสกุลของจำเลยนับตั้งแต่แจ้งเกิดจนถึงปัจจุบัน โจทก์มีพฤติการณ์ที่ไม่เหมาะสมกับการเป็นมารดา เพราะไม่เคยอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ จำเลยเป็นผู้อุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์แต่เพียงผู้เดียวโดยไม่เคยกีดกันโจทก์มิให้พบบุตรแต่ประการใด แต่โจทก์เองไม่เคยมารับบุตรผู้เยาว์ไปดูแล ความจริงแล้วโจทก์ไม่ได้นำบุตรผู้เยาว์ไปเลี้ยงดูด้วยตนเองแต่นำไปให้ญาติพี่น้องของโจทก์ซึ่งอยู่ต่างจังหวัดเลี้ยงดู โจทก์ฟ้องคดีนี้เพื่อต้องการกลั่นแกล้งจำเลยเพราะไม่ต้องการให้จำเลยได้เห็นหน้าบุตรผู้เยาว์ จำเลยมีอาชีพมีรายได้ไม่น้อยกว่าเดือนละ 50,000 บาท สามารถให้การอุปการะเลี้ยงดู การศึกษา และให้ความรักความอบอุ่นแก่บุตรผู้เยาว์ได้เป็นอย่างดี ขอให้ยกฟ้อง
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ จึงมีคำสั่งงดสืบพยานแล้วพิพากษาให้จำเลยส่งมอบเด็กหญิงจิตตินีหรืออนัญพร บุตรผู้เยาว์คืนให้แก่โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ยุติว่า เด็กหญิงจิตตินีหรืออนัญพรผู้เยาว์ เกิดจากโจทก์ในระหว่างอยู่กินฉันสามีภริยากับจำเลยโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส และต่อมาไม่ปรากฏว่าโจทก์กับจำเลยได้จดทะเบียนสมรสกันหรือจำเลยได้จดทะเบียนว่าผู้เยาว์เป็นบุตรหรือมีคำพิพากษาของศาลว่าผู้เยาว์เป็นบุตรของจำเลย ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยมีตามที่จำเลยฎีกาเพียงว่า การที่จำเลยมีพฤติการณ์รับรองว่าผู้เยาว์เป็นบุตร เช่น การให้ผู้เยาว์ใช้ชื่อสกุลของจำเลย และการที่จำเลยอุปการะเลี้ยงดูผู้เยาว์อย่างบิดากับบุตรมาตลอด ถือได้ว่าจำเลยเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้เยาว์แล้วหรือไม่ เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1547 บัญญัติไว้ว่า เด็กเกิดจากบิดามารดาที่มิได้สมรสกันจะเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายต่อเมื่อบิดามารดาได้สมรสกันในภายหลังหรือบิดาได้จดทะเบียนว่าเป็นบุตรหรือศาลพิพากษาว่าเป็นบุตร ดังนี้พฤติการณ์รับรองว่าผู้เยาว์เป็นบุตร เช่น การให้ผู้เยาว์ใช้ชื่อสกุลของจำเลย และการที่จำเลยอุปการะเลี้ยงดูผู้เยาว์อย่างบิดากับบุตร จึงไม่ใช่เหตุที่กฎหมายรับรองทำให้ผู้เยาว์เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยได้ จำเลยจึงไม่ใช่บิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้เยาว์ ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่า จำเลยไม่มีอำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ตามกฎหมาย จำเลยจึงต้องคืนผู้เยาว์แก่โจทก์ชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share